ปชป.ชำแหละแผนสืบทอดอำนาจ‘บิ๊กตู่’ เชื่อใช้ม.44ปูทางอีก
'องอาจ' ชี้นายกฯประกาศเป็นนักการเมือง และไม่ปิดกั้นตัวเองเป็นนายกฯคนนอก เป็นไปตามยุทธศาสตร์สืบทอดอำนาจ คาดมีมาตรา 44 ปูทางอีก
วันที่ 7 ม.ค. 2561 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ประกาศตัวเป็นนักการเมืองที่มาจากทหาร และไม่ปิดทางตัวเองในการเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก ว่า ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะการประกาศแนวทางการเมืองของนายกฯครั้งนี้ น่าจะผ่านการกลั่นกรองเตรียมการมาแล้วเป็นอย่างดี ที่จะดำเนินการทางยุทธวิธีในการเคลื่อนไหวทางการเมือง ตามยุทธศาสตร์สืบทอดอำนาจ ที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่หลังการปฏิวัติรัฐประหาร จนกระทั่งถึงปัจจุบันได้ดำเนินการตามแผนการหลักๆ ผ่านแม่น้ำ 5 สาย ที่แต่งตั้งโดยหัวหน้า คสช. และมีการดำเนินการเคลื่อนไหวหลากหลายรูปแบบมาตามลำดับ ดังนี้
1.กรธ.จัดทำรัฐธรรมนูญ ที่เอื้ออำนวยต่อการสืบทอดอำนาจด้วยการให้มี ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง 250 คน สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ และให้ที่ประชุมรัฐสภาสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีคนนอกที่ไม่ได้ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชนได้
นอกจากนั้นยังมีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญอีกหลายมาตราที่สนับสนุนการทำงานหลังจากสืบทอดอำนาจ
2.มีการจัดทำพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญอีก 10 ฉบับ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอิสระ และการเลือกตั้งที่เอื้อต่อการสืบทอดอำนาจ และใช้อำนาจต่อไปในอนาคต
3.ถึงแม้ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ประกาศใช้แล้วก็ไม่ยกเลิกคำสั่ง คสช. ทำให้พรรคการเมืองไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้ จากนั้นก็ใช้ ม. 44 ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขเนื้อหาสาระของกฎหมายพรรคการเมืองโดยเฉพาะการรีเซ็ตสมาชิกพรรคทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นกระบวนการของการนำไปสู่การสืบทอดอำนาจ
4.การเคลื่อนไหวทางการเมืองที่สอดรับการสืบทอดอำนาจหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การตั้งคำถามประเด็นการเมือง ให้ประชาชนตอบทั้ง 4 ข้อ และคำถาม 6ข้อ รวมถึงการลงพื้นที่ ที่มีความถี่สูง มีการอัดฉีดเม็ดเงินในการผลักดันโครงการต่างๆ จำนวนมาก
5.เครือข่ายของผู้มีอำนาจหลากหลายฝ่ายได้เดินสาย ขยายฐานรวบรวม นักการเมือง พรรคการเมือง รวมถึงการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพื่อเป็นฐานรองรับการเข้าสู่อำนาจตามยุทธศาสตร์สืบทอดอำนาจ
นายองอาจ กล่าวต่อว่า การประกาศตัวเป็นนักการเมืองที่มาจากทหาร และไม่ปิดทางตนเองในการเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก จึงเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการในการเดินไปสู่เป้าหมายในการสืบทอดอำนาจ และเชื่อว่านับจากนี้เป็นต้นไป อาจมีการใช้ ม.44 และใช้อำนาจต่างๆ เพื่อขจัดปัญหาอุปสรรค พร้อมทั้งดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อบรรลุเป้าหมาย แต่การจะดำเนินการไปสู่เป้าหมายได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขปัจจัยหลายประการ
“ปัจจัยที่สำคัญที่สุดปัจจัยหนึ่ง คือ การใช้อำนาจในช่วงหนึ่งปีกว่าๆ หลังจากนี้ไปจะต้องพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่าท่านนายกฯ และรัฐบาล รวมทั้งบริวารแวดล้อมของท่านตั้งใจทำงาน ใช้อำนาจเพื่อส่วนรวม ไม่ได้ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของตนเอง และพวกพ้อง และไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบแต่อย่างใด แต่ถ้าใช้อำนาจเพื่อตนเอง และพวกพ้องปล่อยให้มีการแสวงหาประโยชน์โดยไม่ชอบ หนทางแห่งการสืบทอดอำนาจก็อาจจะไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไปตามใจปรารถนาก็ได้” นายองอาจ กล่าว