ชงครม.ล้างหนี้คนจน
ธ.ก.ส.เตรียมเสนอ ครม. 9 ม.ค.นี้ 9 โครงการ ตั้งเป้าแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย ล้างหนี้นอกระบบเป็นศูนย์
นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมเสนอมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 9 ม.ค.นี้ ประกอบด้วย 3 มาตรการ 9 โครงการ วงเงินสินเชื่อรวม 9.5 หมื่นล้านบาท
สำหรับ 3 มาตรการ ประกอบด้วย มาตรการแรกคือ การพัฒนาตนเอง จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการให้ความรู้ทางการเงินแก่เกษตรกรลูกค้า ผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 จำนวน 1,007,012 ราย และโครงการเงินฝากกองทุนทวีสุข รับฝากเงินจากเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย จำนวน 9 แสนราย
มาตรการที่ 2 พัฒนาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ 2 โครงการ วงเงินสินเชื่อรวม 6.5 หมื่นล้านบาท และมาตรการที่ 3 ลดภาระหนี้สินทั้งในระบบและนอกระบบ จำนวน 5 โครงการ แบ่งเป็นโครงการสนับสนุนสินเชื่อ 3 โครงการ วงเงินสินเชื่อ รวม 3 หมื่นล้านบาท และโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สินของเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยในระบบ ธ.ก.ส. ต้นเงินกู้ 52,605 ล้านบาท โครงการชำระดีมีคืนต้นเงินกู้ 2.2 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ รัฐบาลได้มอบหมายให้ ธ.ก.ส.เป็นจุดรับลงทะเบียนโครงการในปี 2560 พบว่า มีเกษตรกรลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ 3.95 ล้านราย อาชีพเกษตรกร 3.32 ล้านราย และอาชีพรับจ้างภาคเกษตร 6.36 แสนราย โดยผู้ลงทะเบียน 4.6 แสนราย มีหนี้นอกระบบมูลหนี้กว่า 27,489 ล้านบาท มูลหนี้เฉลี่ยต่อรายจำนวน 59,520 บาท
นายอภิรมย์ กล่าวอีกว่า นโยบายที่รัฐบาลจะลดปัญหาความยากจน และแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้เป็นศูนย์นั้น คณะกรรมการ ธ.ก.ส.ตระหนักและได้ให้ความสำคัญในการยกระดับเกษตรกรให้มีรายได้และหลุดพ้นความยากจน รวมทั้งจะช่วยแก้หนี้นอกระบบให้เข้ามาอยู่ในระบบ
นอกจากนี้ ธ.ก.ส.ยังมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนวิธีคิดในการดำเนินชีวิตเกษตรกรด้วยการให้ความรู้ การทำบัญชีครัวเรือน การประหยัดอดออม การสร้างรายได้จากอาชีพเสริม เช่น กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงไก่ดำ การผลิตผักสลัด และการเพาะเห็ดที่นำมาจัดแสดงในงานนี้ รวมทั้งการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินยามจำเป็น ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และป้องกันไม่ให้เกษตรกรกลับไปก่อหนี้นอกระบบอีก
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ธ.ก.ส.ได้ออกโครงการชำระดีมีคืน โดยคืนดอกเบี้ยลูกหนี้ที่มีประวัติชำระหนี้ดี 30% หรือคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง 2-3% คาดว่าโครงการนี้จะมีคนที่ได้ประโยชน์ 2.6 ล้านราย คิดเป็นวงเงินทั้งสิ้นกว่า 4,000 ล้านบาท โครงการที่ปล่อยกู้ดอกเบี้ยพิเศษ 0.1% ซึ่งเตรียมเสนอขออนุมัติจาก ครม. เนื่องจากต้องขอดอกเบี้ยชดเชยจากรัฐบาล
รวมทั้งยังมีโครงการสินเชื่อ 1 ตำบล 1 เอสเอ็มอี และโครงการสินเชื่อเพื่อป้องกันการเป็นหนี้นอกระบบ คาดว่าเริ่มใช้ต้นปี 2561