สธ.มอบของขวัญปีใหม่61 แก่บุคลากรทั่วประเทศ ด้วยสร้างเสริมสุขภาพทางการเงิน
กระทรวงสาธารณสุข มอบของขวัญปีใหม่บุคลากรสาธารณสุขทั่วประเทศ ด้วยแผนสร้างเสริมสุขภาพทางการเงิน 5 โครงการใหญ่ เป็นขวัญกำลังใจต่อการปฏิบัติงาน เกิดการบริการที่ดี มีคุณภาพ เจ้าหน้าที่สุขใจ
ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบนโยบาย “แผนงานสร้างเสริมสุขภาพทางการเงินบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข” และเป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือระหว่าง นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กับนายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ ในโครงการคลินิกสุขภาพทางการเงินและความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยของบุคลากร ก่อนการประชุมผู้บริหารระดับสูงประจำเดือนมกราคม 2561
ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้สำรวจดัชนีความสุขของคนทำงาน(Happinometer) บุคลากรในสังกัดทั่วประเทศ เพื่อนำผลการประเมินมาใช้ในการพัฒนาองค์กร การบริหารงาน การดำเนินการต่างๆ ส่งเสริมความสุขในการทำงานอย่างตรงประเด็น ซึ่งจะส่งผลให้บุคลากรเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงาน มีขวัญกำลังใจต่อการปฏิบัติงาน เกิดการบริการที่ดี มีคุณภาพ ช่วยให้บรรลุเป้าหมายร่วมขององค์กร“ประชาชนสุขภาพดี เจ้าหน้าที่มีความสุข ระบบสุขภาพยั่งยืน” สนองต่อนโยบายรัฐบาล มุ่งเน้นพัฒนาประเทศไทย สู่ไทยแลนด์ 4.0 และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีสาธารณสุข
ในการสำรวจดัชนีความสุขของคนทำงาน ได้สำรวจความรู้สึกมีความสุขใน 11 มิติ ได้แก่ 1.สุขภาพกายดี 2.ผ่อนคลายดี 3.น้ำใจดี 4.จิตวิญญาณดี 5.ครอบครัวดี 6.สังคมดี 7.ใฝ่รู้ดี 8.สุขภาพการเงินดี 9.การงานดี 10.ความผูกพัน 11.สมดุลชีวิตกับการทำงาน ผลการสำรวจความรู้สึกมีความสุขของบุคลากร 298,793 คน พบว่าค่าคะแนนความสุขของบุคลากรร้อยละ 92 มีความรู้สึกมีความสุข โดยมิติที่มีค่าเฉลี่ยความสุขค่อนข้างน้อยคือ มิติด้านสุขภาพการเงินดี ได้สำรวจเพิ่มเติมด้านสุขภาพการเงินบุคลากร 97,567 คน พบมีหนี้สินในครัวเรือนวงเงินกว่า 95,957 ล้านบาท ร้อยละ 54 เป็นเงินกู้จากสหกรณ์ออมทรัพย์ รองลงมาร้อยละ 26 เป็นหนี้สินเรื่องที่อยู่อาศัย
ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงได้มีแผนสร้างเสริมสุขภาพทางการเงิน สำหรับบุคลากร (Happy Money Program) ประกอบด้วย 5 โครงการ ได้แก่ คลินิกสุขภาพทางการเงิน (Happy Money Clinic) ส่งเสริมการออม (Happy Saving) ความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยของบุคลากร (Happy Home) การประนอมหนี้สิน (Happy Redeeming) และสวัสดิการอื่น ๆ (Happy Welfares) โดยได้ตั้งคณะกรรมการแผนสร้างเสริมสุขภาพทางการเงิน เพื่อพิจารณากลั่นกรองบุคลากรเข้าร่วมโครงการพร้อมวางหลักเกณฑ์ เงื่อนไข จัดทำหลักสูตรการสร้างวินัยทางการเงิน และบริหารจัดการสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนสร้างเสริมสุขภาพทางการเงิน
ในระยะแรกระหว่าง พ.ศ.2561-2563 จะดำเนินการใน 2 โครงการได้แก่ คลินิกสุขภาพทางการเงินและความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยของบุคลากร ร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ มอบสิทธิประโยชน์พิเศษ อาทิ อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าลูกค้าทั่วไป ฟรีค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ ค่าจดจำนอง ค่าจัดการเงินกู้ ระยะเวลากู้นาน 30 ปี เป็นต้น สำหรับบุคลากรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โดยจะ Kick off Happy Home Day พร้อมกันที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด/โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ทั่วประเทศ ในวันที่ 10 มกราคม 2561 และจัดทำคลินิกสุขภาพทางการเงิน ในวันศุกร์ สัปดาห์ที่ 3 ของเดือนเว้นเดือน คาดว่าจะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายบุคลากรได้ 1,500 ล้านบาทต่อปี
ด้าน นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ในนามของธนาคารไทยพาณิชย์ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขได้ให้โอกาสธนาคารฯ เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการสำคัญ โครงการคลินิกสุขภาพทางการเงินและความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยของบุคลากร ที่จะเป็นประโยชน์แก่บุคลากรในสังกัดกระทรวง ตลอดจนผู้ที่มาใช้บริการด้านสาธารณสุขทั่วประเทศ โดยความร่วมมือในครั้งนี้ มีหลากหลายรูปแบบ เริ่มจากการร่วมเสริมสร้างสุขภาพทางการเงินของบุคลากรสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้มีความมั่นคงในการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน รวมไปถึงการมอบองค์ความรู้ด้านการเงินที่รอบด้าน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้บุคลากรของกระทรวงฯ สามารถวางแผนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
“โครงการความร่วมมือ คลินิกสุขภาพทางการเงินและความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยของบุคลากร ยังครอบคลุมไปถึงการพัฒนาระบบการรับชำระเงินภายในโรงพยาบาลที่อยู่ในสังกัดกระทรวงฯ ทุกแห่ง ให้มีความทันสมัย สะดวก รวดเร็ว ลดการใช้เงินสด และเป็นไปในรูปแบบของ e-Payment มากยิ่งขึ้น เช่น การรับชำระเงินผ่าน QR Code ที่ในอีกไม่ช้าจะกลายเป็นมาตรฐานของการชำระเงินทุกระดับตั้งแต่ผู้ประกอบการรายย่อยจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นการผลักดันประเทศไทยเข้าสู่สังคมไร้เงินสด หรือ Cashless Society อันเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนประเทศสู่ Thailand 4.0” นายอาทิตย์ กล่าวเสริม