กห.โวโค่น'ป้อม'ยาก 'นาฬิกาหรู'เรื่องเล็ก!
โฆษก กห.ยัน "บิ๊กป้อม" เป็นทหารไม่กลัวถูกโค่น ยืนหยัดทำหน้าที่ต่อ แต่ยอมรับกระทบจิตใจบ้าง เผยสร้างคุณูปการต่อชาติ นาฬิกาหรูเรื่องส่วนตัวแค่เล็กน้อยเชื่อชี้แจงได้ ปัด "นาย" เป็นแกนหลักพรรคทหาร ยอมรับคุยได้ทุกกลุ่ม-ไม่หักใคร ทำหน้าที่ประสานแต่อย่าเรียกผู้จัดการ คสช.
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม (กห.) กล่าวว่า การทำงานในตำแหน่ง รมว.กลาโหม 3 ปีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กห. ท่านทำงานหนัก ด้านนโยบายความร่วมมือกับต่างประเทศค่อนข้างจะดี ในกรอบอาเซียนจะเห็นว่าความสัมพันธ์ไทยกับประเทศรอบบ้านอาเซียนค่อนข้างดี เพราะ พล.อ.ประวิตรเปรียบเหมือนพี่ใหญ่ เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมมา 2 สมัยแล้ว ดังนั้นเมื่อมีการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนก็ทำให้เกิดความแนบแน่นมากขึ้น ทำให้เราสามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ไม่มีปัญหาการปะทะกัน ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไว้วางใจมอบหมายงานให้ พล.อ.ประวิตรทำค่อนข้างมาก เลยไปถึงการแก้ไขปัญหามาตรฐานการบิน การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การแก้ไขปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน (กขป.5) โดยใช้เหล่าทัพเข้าไปผลักดันขับเคลื่อนแก้ไขปัญหา และทำให้ระบบเกิดความเข้มแข็ง
พล.ท.คงชีพกล่าวต่อว่า อยากให้กลับไปทบทวนว่าในอดีตใครได้อนุมัติ ปล่อยให้เครื่องบินของสายการบินเอกชนทำการบินโดยไม่ผ่านมาตรฐาน หรืออนุมัติให้เรือประมงสามารถทำการจับปลาได้อย่างอิสระ ซึ่งสังคมต้องไปดูว่าใครได้ประโยชน์จากกระบวนการอนุมัติ ส่วนที่มองว่าอาจจะเกิดจากการที่ คสช.ยึดอำนาจช่วงต้น นานาชาติจึงเข้ามาสร้างมาตรฐานเหล่านี้นั้น ตนมองว่าปัญหามันเกิดอยู่ใต้โต๊ะ จนถึงธงแดง ถ้าไม่แก้ก็ดิ่งเหว จึงเป็นวาระเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ เพราะที่ผ่านมามีการปล่อยปละละเลย
"ถือเป็นเรื่องหลักๆ ที่ท่านทำงานหนักพอสมควร ท่านนั่งเป็นประธานคณะกรรมการหลายชุด คนก็ไม่มองเรื่องที่ท่านทำ โดยเฉพาะเรื่องปราบปรามผู้มีอิทธิพล ทุกวันนี้คุณเรียกร้องสิทธิเสรีภาพกัน แต่คุณสามารถเข้าพื้นที่อื่นที่เป็นพื้นที่ของกำนันโน่นกำนันนี่ได้หรือ ภายใต้กฎหมายเดียวกันคุณก็เข้าไม่ได้ แต่ตอนนี้ คสช.เข้าไปจัดระเบียบ ทั้งอิทธิพลต่างชาติที่เข้ามาเกลื่อนกลาดกันอยู่ ทั้งอิทธิพลต่างประเทศ อาวุธสงคราม ยาเสพติดที่ทำกันมา เรื่องการจัดระเบียบสังคมถามว่าใครกล้าทำ เพราะบางอย่างกระทบเรื่องมวลชน ถ้าไปกระทบจุดนี้มีผลต่อฐานเสียง เราทุ่มเททรัพยากรไปมากพอสมควร กับการใช้กำลังทหาร กำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทำงานกันอย่างหนักหนาสาหัส 3 ปี เราทำอะไรที่ค่อนข้างจะเห็นผลและค่อนข้างเยอะมาก ซึ่งแน่นอนว่าจากนโยบายการจัดระเบียบสังคมย่อมมีทั้งผู้ที่ชอบและไม่ชอบ มีผู้ที่ได้ประโยชนและเสียประโยชน์ แต่ คสช.มองเรื่องประชาชนที่ใช้พื้นที่สาธารณะได้ประโยชน์เป็นหลัก"
เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรเกรงหรือไม่กลุ่มผู้เสียประโยชน์จะหาช่องทางในการโค่นล้ม พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า เป็นทหารมาถึงขนาดนี้แล้วไม่กลัวอะไรแล้ว ถ้ายืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อส่วนรวมและ สังคม เสริมสร้างความมั่นคงและปลอดภัยให้ประเทศ ถือเป็นหน้าที่ที่เราปลูกฝังอุดมการณ์มา ดังนั้นจะไปกลัวอะไรหรือกลัวใคร เพราะเกิดมาตายครั้งเดียว พล.อ.ประวิตรก็ไม่ได้กังวลอะไรก็ทำงานต่อไป สังคมวันนี้เปิดกว้าง ได้รับข้อมูลข่าวสารรอบด้านมากขึ้น คิดเองได้ ถ้าไม่มีใครยุยงปลุกปั่น สร้างความแตกแยกสร้างความเกลียดชังกัน
ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนาฬิกาหรูที่กลายเป็นกระแสโจมตีนั้น พล.ท.คงชีพกล่าวว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของ พล.อ.ประวิตร ก็ว่าไปตามกฎหมาย ก็ต้องหาทางออกในเรื่องกฎหมาย ส่วนจะมีผลต่อการทำงานหรือไม่นั้น ตนคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ที่เวลามีคนนินทาในทางที่ดีบ้างหรือไม่ดีบ้าง ย่อมมีผลกระทบต่อจิตใจและความรู้สึกบ้าง เพราะมนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักรหรือเครื่องยนต์ แต่ในฐานะที่ท่านเป็นทหารก็ต้องยืนหยัดทำหน้าที่ต่อไป ถ้าเห็นว่าสิ่งที่ทำ 80-90 เปอร์เซ็นต์ยังเดินหน้าเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติก็ทำไป อีก 10 เปอร์เซ็นต์ที่มีปัญหาก็ต้องแก้ไขต่อไป
"เชื่อมั่นว่า พล.อ.ประวิตรเข้มแข็งพอที่จะเดินหน้า ใช้โอกาสนี้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและประเทศชาติต่อไป ส่วนสิ่งใดที่เป็นเรื่องส่วนตัวของท่านก็ต้องชี้แจงแก้ไขปัญหาต่อไป คิดว่าเป็นอุปสรรคเล็กน้อย สิ่งที่ทำมาก็ถือว่าเป็นคุณูปการต่อประเทศชาติ" พล.ท.คงชีพกล่าว
เมื่อถามว่า คิดว่าการขยายผลประเด็นที่เกิดขึ้นเป็นขบวนการล้ม พล.อ.ประวิตรเพื่อทำให้ คสช.อ่อนแอหรือไม่ พล.ท.คงชีพกล่าวว่ามีแน่นอน ในเมื่อเราเข้ามาทำงานเพื่อพัฒนาไปสู่งานที่เหมือนงานการเมืองที่ทำอยู่ขณะนี้ ก็ย่อมกระทบกลุ่มการเมืองที่เสียประโยชน์ เมื่อกระแสออกมาแบบนี้ ถ้าเป็นเรื่องที่โจมตีกันทางการเมืองก็ถือเป็นเรื่องที่มาจากการเมือง ส่วนจะเกี่ยวข้องกับที่มีข่าวว่าท่านจะเป็นกำลังสำคัญในการตั้งพรรคทหารหรือไม่นั้น ยืนยันว่าไม่จริง อีกทั้ง พล.อ.ประวิตรไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร เป็นมิตรกับทุกคน เป็นคนที่พูดคุยได้ทุกกลุ่มทุกฝ่าย ไม่หักใคร โดยคำนึงถึงเรื่องผลประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวมเป็นหลัก
เมื่อถามว่าจะใช้คำว่า พล.อ.ประวิตรเป็นผู้จัดการ คสช.ได้หรือไม่ พล.ท.คงชีพกล่าวว่า "ไม่มีหรอก ผู้จัดการ คสช. อย่าใช้คำนั้น แต่ประเทศไทยมีหลายกลุ่มหลายพวก ก็ต้องดึงมาแก้ไขปัญหา ท่านก็เป็นคนที่ประสานได้" โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าว
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์เรื่อง "เรียกร้องให้โฆษกกระทรวงกลาโหมอย่าทำงานเกินหน้าที่หรือเชียร์จนเกินงาม" โดยระบุว่าตามที่ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห.ได้ออกมาแถลงถึงการทำงานในตำแหน่ง รมว.กลาโหม 3 ปีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่าบิ๊กป้อมท่านทำงานหนักทั้งงานด้านความร่วมมือกับต่างประเทศ การแก้ไขปัญหามาตรฐานการบิน การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การแก้ไขปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ และในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน (กขป.5) โดยใช้เหล่าทัพเข้าไปผลักดันขับเคลื่อนแก้ไขปัญหา และทำให้ระบบเกิดความเข้มแข็ง รวมทั้งการออกหน้าแทนในทุกเรื่อง และยังอ้างอีกว่าบิ๊กป้อมเป็นทหารไม่กลัวอะไรแล้ว ถ้ายืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้องนั้น
การทำหน้าที่ของโฆษกกระทรวงกลาโหม (กห.) ต้องสะท้อนความจริงให้สังคมเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม ไม่ใช่มาทำหน้าที่โฆษกส่วนตัวให้บิ๊กป้อม เพราะไม่ได้รับเงินเดือนค่าตอบแทนจากบิ๊กป้อม ส่วนการแก้ไขปัญหาเรื่องการบิน การทำการประมง การค้ามนุษย์ ลิขสิทธิ์ ไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงกลาโหม มีหน่วยงานที่ดูแลประชาสัมพันธ์เรื่องต่างๆ ดังกล่าวโดยตรงอยู่แล้ว และบางเรื่องก็เสนอข้อมูลฝ่ายเดียว ขณะที่ข้อมูลอีกด้านกลับไม่เสนอ เช่น ปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมง เป็นต้น ดังนั้นอย่าพยายามโยงเรื่องดังกล่าวมาเป็นหน้าที่ของกระทรวง จะทำให้ประชาชนสับสนว่ากระทรวงกลาโหมมีอำนาจหน้าที่ในทุกเรื่องเลยหรือไม่
นายศรีสุวรรณระบุว่า ดังนั้นหากโฆษกกระทรวงกลาโหมออกหน้าชี้แจงในทุกเรื่องได้ ก็ขอให้ช่วยอธิบายแทนบิ๊กป้อมหน่อยว่า ทำไมรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ซึ่งเป็นข้าราชการกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนมาทั้งชีวิต ทำไมมีเครื่องประดับนาฬิการาคาแพงๆ มูลค่านับล้านๆ บาทใส่ จนโลกโซเชียลนำมาเสนอต่อสาธารณะมากกว่า 13 เรือนแล้วในขณะนี้ แล้วทำไมจึงไม่รายงานเอกสารบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.ตามที่กฎหมายบัญญัติ ทำไมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ เขารายงานกันทั่วหน้า แต่ทำไมกรณีบิ๊กป้อมมีกฎหมายอะไรพิเศษรองรับกระนั้นหรือ ขอให้โฆษกกระทรวงกลาโหมช่วยอรรถาธิบายให้สังคมไทยได้เข้าใจด้วย เพื่อความเข้าใจร่วมกันของสังคม ถ้าอธิบายไม่ได้ก็ควรจะแถลงหรือพูดเฉพาะแต่งานในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมเท่านั้น อย่าทำเกินหน้าที่จึงจะถูกต้อง