ฮือฮา "เปิดค่ายทหาร-อุโมงค์ไฟ" ชวนเที่ยวปีใหม่ชายแดนใต้
หน่วยงานภาครัฐในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เปิดมิติใหม่ "เที่ยวปีใหม่ที่ปลายขวาน" ปัตตานีเนรมิต "อุโมงค์ไฟ" ยาวเกือบ 200 เมตร แถมด้วย "สกายวอล์ค" ชมวิวพระอาทิตย์ตก ยะลา-นราฯ ชวนเที่ยวเชิงนิเวศน์ ขณะที่ฝ่ายทหารงดถือปืนชั่วคราว เปิดศูนย์การท่องเที่ยวและกีฬาภายในค่ายอิงคยุทธฯ!
สามจังหวัดชายแดนภาคใต้จัดกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวแบบไม่แคร์สถานการณ์ความไม่สงบ โดยในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี บริเวณริมแม่น้ำปัตตานีซึ่งไหลผ่านกลางเมือง ทางเทศบาลได้ปิ๊งไอเดียประดับประดาอุโมงค์ไฟอย่างสวยงาม และยังทำน้ำพุประดับไฟบริเวณใต้สะพานข้ามแม่น้ำปัตตานีด้วย ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอย่างมาก
พิทักษ์ ก่อเกียรติพิทักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี บอกว่า ปัจจุบันสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่เริ่มคลี่คลาย ทางเทศบาลจึงตัดสินใจจัดกิจกรรมเติมเต็มความสุขคืนกลับให้พี่น้องประชาชน ด้วยการจัดกิจกรรมที่สร้างสีสันกลางเมืองปัตตานี
"เราต้องการให้เมืองมีชีวิตชีวา และสามารถมาเที่ยวได้ในเวลากลางคืน เพื่อยืนยันว่ามีความปลอดภัย วันแรกที่เปิดอุโมงค์ไฟมีประชาชนมาเที่ยวชมกว่า 2,000 คน มีทั้งชาวปัตตานี จังหวัดใกล้เคียง รวมถึงชาวต่างประเทศด้วย คาดว่าช่วงวันหยุดยาวปีใหม่จะมีคนมาเที่ยวล้นพื้นที่อย่างแน่นอน ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายกองกำลังก็ยืนยันว่าจะดูแลรักษาความปลอดภัยให้อย่างเต็มที่"
อาซียะ ยะผา เยาวชนใน จ.ปัตตานี บอกเล่าถึงความประทับใจว่า ได้มีโอกาสไปเที่ยวชมอุโมงค์ไฟที่ยาวที่สุดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งสวยงามมาก อยากให้ทุกคนได้มาเที่ยวชมกัน
"บ้านเรามีอะไรดีๆ เยอะ และไม่ได้มีเฉพาะความรุนแรง ความไม่สงบ แต่ยังมีสิ่งดีๆ อีกมากมาย สถานที่ท่องเทียวก็มีหลากหลาย ทั้งเที่ยวเชิงธรรมชาติ น้ำตก ทะเล ภูเขา ทะเลหมอก ดำน้ำดูปะการัง นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมการท่องเที่ยวแบบวัดใจ เช่น ไต่หน้าผา ยิงปืน มาเทียวที่นี้แล้วทุกคนจะเข้าใจว่าทำไมคนในสามจังหวัดยังสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ในท่ามกลางความไม่สงบที่ยังคงมีอยู่" อาซียะ บอก
สีสันของปัตตานีไม่ได้มีแค่อุโมงค์ไฟ แต่ พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 46 และผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ได้เปิด "ศูนย์การท่องเที่ยวและกีฬา" ซึ่งอยู่ภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ค่ายทหารที่ใหญ่ที่สุดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าไปเที่ยวชมฟรีช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อเป็นการคืนความสุขให้กับพี่น้องประชาชน และเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารกับประชาชน
"วันแรกที่เปิดให้บริการ ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก กิจกรรมที่จัดเอาไว้เพื่อเตรียมรับนักท่องเที่ยวมีมากมาย ทั้งสวนน้ำ สนามยิงปืนบีบี กันส์ สนามทดสอบกำลังใจ ไต่หน้าผา จึงขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนทั้งในและนอกพื้นที่มาเที่ยวกันมากๆ" ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี กล่าว
ข้ามไป จ.ยะลา กิจจา ไวชมพู ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า สถานการณ์การท่องเทียวของ จ.ยะลา ตลอด 13 ปีที่ผ่านมา จริงๆ แล้วเส้นกราฟจำนวนนักท่องเทียวเพิ่มขึ้นทุกปี เฉลี่ยอย่างต่ำ 3% รายได้จากการท่องเทียวเพิ่มขึ้นทุกปี เฉลี่ยเดือนละ 250 ล้านบาท นักท่องเทียวที่เข้ามาส่วนใหญ่เป็นชาวมาเลเซีย 80% เฉพาะช่วงปีใหม่นี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือน จ.ยะลา มากกว่า 50,000 คน และเฉลี่ยทั้งปี 100,000 คน ในอนาคตมีแนวโน้มนักท่องเทียวเข้ามามากถึง 1,000,000 คนต่อปี
"สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่มีแนวโน้มลดลงมาก เพียงแต่มีการเสนอข่าว และมีคนสนใจข่าวความรุนแรงมาก ซึ่งหน่วยงานภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะปรับทัศนคติของนักท่องเทียว ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ว่าจริงๆ แล้วบ้านเรามีความโดดเด่นด้านธรรมชาติอย่างมาก ดังนั้นต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเทียวได้ทราบถึงมุมมองดีๆ ให้มากที่สุด" ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวจังหวัดยะลา ระบุ
กิจจา ย้ำว่า การประชาสัมพันธ์เชิงรุก และการจัดปฏิทินการท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวได้รู้และเลือกเดินทางมาแต่ละช่วงเวลา เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
"เราต้องเน้นประชาสัมพันธ์เชิงรุก และจัดกิจกรรมท่องเที่ยวเป็นปฏิทินประจำปี เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและกระตุ้นการท่องเที่ยวทุกช่วงเวลา ในอนาคตเราจะมีสนามบินเบตง จะมีสกายวอล์ค ก็จะมีนักท่องเทียวเข้ามาเพิ่มจำนวนมาก รวมทั้งเน้นการพัฒนาโครงการสร้างพื้นฐานที่อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเทียว ไม่ว่าจะเป็น ถนน ที่จอดรถ และแผนพัฒนาความรู้ให้กับผู้ประกอบการ เพื่อให้เป็นเจ้าบ้านที่ดี" กิจจา บอก
เขาระบุอีกว่า เรามีเพื่อนชาวมาเลเซียที่เข้ามาท่องเทียวจำนวนมาก และยังมีแผนเชื่อมโยงอาเซียน จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวด้วยกัน เชื่อมโยงการท่องเทียวสองแผ่นดิน จากเบตงไปถึงมาเลเซีย ต่างคนต่างได้ประโยชน์
ส่วนปัญหาความไม่สงบ กิจจา บอกว่า ทุกคนทราบดี และเป็นเพียงจุดเล็กๆ หากเทียบกับสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่
"ความไม่สงบที่เกิดขึ้นทุกคนก็ทราบดีว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ เราไม่ควรไปมองจุดนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะเป็นเพียงจุดเล็กๆ ขณะที่จุดดีๆ เรามีมากกว่า เพียงแต่ว่าเราไม่ได้เสนอข่าวในด้านดีให้พี่น้องชาวต่างประเทศได้มอง เชื่อว่าแนวโน้มสถานการณ์รุนแรงลดลง การท่องเทียวมีศักยภาพมากขึ้น นักท่องเที่ยวทั้งต่างประเทศและในประเทศเข้ามาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเบตง"
เขาบอกด้วยว่า ยะลาเป็นเมืองที่สวยงาม มีผังเมืองที่ดีติดอันดับ 23 ของโลก และเป็นที่หนึ่งของประเทศ ถือว่ามีศักยภาพมากเรื่องการท่องเทียว ธรรมชาติก็สวยงาม ไม่ได้ถูกทำลาย เชื่อว่าในอนาคตการท่องเที่ยวจะสดใสแน่นอน
จินดารัตน์ สัตยพงศ์ หัวหน้าส่วนการท่องเทียวจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ภาพรวมการท่องเทียวของสามจังหวัดดีขึ้นทุกปี มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้น แม้จะยังไม่เท่ากับช่วงก่อนที่จะมีสถานการณ์ความไม่สงบก็ตาม แต่โดยรวมขณะนี้ถือว่าดีขึ้นกว่าตอนที่มีสถานการณ์ใหม่ๆ มาก เพราะตอนนั้นติดศูนย์เลย
"จ.ยะลา มีนักท่องเที่ยวมากกว่าปัตตานีและนราธิวาส เพราะที่เบตง นักท่องเทียวเข้ามาก็สามารถเที่ยวได้เลย ต่างจากฝั่งโก-ลก (อ.สุไหงโก-ลก) จ.นราธิวาส ประกอบกับค่าเงินริงกิตตอนนี้อ่อนตัวลง เหลือประมาณ 7บาทกว่าๆ ก็ถือว่าได้รับผลกระทบบ้าง แต่ด้านปัญหาความไม่สงบดีขึ้นจนเกือบจะเป็นปกติแล้ว อาจเป็นเพราะเวลามีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นก็จะมีการสรุปโดยเร็วว่าไม่ใช่เรื่องของการก่อการร้าย บางครั้งก็มีการแก้ข่าวอย่างรวดเร็ว ทำให้นักท่องเทียวมีความมั่นใจ" จินดารัตน์ บอก
เป็นสิ่งดีๆ รับปีใหม่ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่กำลังลบภาพดินแดนที่เต็มไปด้วยความรุนแรง ให้เป็นดินแดนที่มีแต่สีสัน รอยยิ้ม และความประทับใจ