ชำแหละส่งท้ายปี60ทรัพย์สิน'บิ๊กบี้-บิ๊กช้าง-บิ๊กหมู' ขายหุ้น-แหวน-ซื้อบ้านถอยรถใหม่พรึบ!
"...การนำเสนอข้อมูลข่าวสารครั้งนี้ ไม่สามารถที่จะถ่ายภาพทรัพย์สินมานำเสนอประกอบได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ห้ามไม่ให้ถ่ายภาพ แต่ให้ดูได้ด้วยตาเปล่าเท่านั้น ทั้งที่ การถ่ายภาพเอกสารทรัพย์สินต่างๆ เพื่อนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ มิได้ถูกระบุเป็นข้อห้ามใน ประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของ ผู้ดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาและเจ้าหน้าที่ของรัฐพ.ศ. 2560 แต่อย่างใด..."
เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2560 ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำข้อมูลของบัญชีทรัพย์สินและหนีิ้สิ้น ของนายทหารระดับสูง 3 ราย ที่แจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ช่วงพ้นตำแหน่ง คือ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล (บิ๊กบี้) ซึ่งลาออกจากตำแหน่ง รมว.แรงงาน ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล (บิ๊กช้าง) พ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ไปรับตำแหน่ง รมช.กลาโหม และ 3.พล.อ.ธีรชัย นาควานิช (บิ๊กหมู) พ้นจาก สนช. ครบ 1 ปี มานำเสนอให้สาธารณชนรับทราบเบื้องต้นไปแล้ว
หากแต่ยังมีข้อมูลทรัพย์สินอีกหลายส่วนที่น่าสนใจ จึงขอนำข้อมูลมาเสนอแบบชัดๆ อีกครั้งดังนี้
เริ่มต้นจาก พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ซึ่งลาออกจากตำแหน่ง รมว.แรงงาน ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปหลังจากนายวรานนท์ ปีติวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน โดนมาตรา44 ออกคำสั่งย้ายฟ้าผ่าไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงแรงงาน ท่ามกลางกระแสข่าวเรื่องการไม่สนองตอบงานนโยบายของรัฐบาลในการนำระบบไบโอดาต้า ที่สามารถช่วยพิสูจน์ลายนิ้วมือ ม่านตา ยืนยันตัวตนของแรงงานพม่าที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยได้(อ่านประกอบ : ไม่สนองตอบใช้ไบโอดาต้าแก้ปัญหาแรงงานพม่า!เผยเบื้องหลังบิ๊กตู่ เด้งฟ้าผ่าอธิบดีจัดหางาน, ราชกิจจาฯ ออกประกาศ พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน ลาออก, ไฟต์บังคับปรับครม.'บิ๊กตู่ 5' จับตาปรับเล็กเปลี่ยนคน ปรับใหญ่สลับเก้าอี้?)
แจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินช่วงพ้นตำแหน่งว่า ตนและนางพรวิมล ดิษฐกุล คู่สมรส มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 108,750,517 บาท เมื่อเทียบกับกรณีเข้ารับตำแหน่ง ที่แจ้งว่ามีทรัพย์สินมากว่าหนี้สิน 92,071,271 บาท ดังนั้น จึงเท่ากับว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 16,679,246 บาท ขณะที่หนี้สินลดลงจากเดิมประมาณ 8 ล้านบาท พล.อ.ศิริชัย แจ้งว่า มีรายได้จากการขายหุ้นและกองทุน เป็นจำนวนมากกว่า 23 รายการ ขณะที่ นางพรวิมล ดิษฐกุล คู่สมรส มีรายได้จำนวน 1,250,000 บาท จากการขายแหวนเพชรจำนวน 3 รายการ ทำให้เมื่อนับรวมรายได้ในส่วนอื่นๆ ทั้งเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง เงินบำนาญ พล.อ.ศิริชัย มีรายได้รวมทั้งหมด 13,095,683.60 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงที่แจ้งเข้ารับตำแหน่ง คือ 2.6 ล้านบาท ส่วน นางพรวิมล คู่สมรส มีรายได้เพิ่มขึ้นจำนวน 1,252,156 บาท จากรายได้เดิมที่แจ้งไว้แค่ 26,200 บาท
อย่างไรก็ดี เมื่อตรวจสอบในรายละเอียดพบว่า ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นเป็นทรัพย์สินในส่วนของโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เนื่องจาก พล.อ.ศิริชัย ได้การสร้างบ้านมูลค่า 25 ล้านบาทเศษ ในพื้นที่ย่านคันนายาว กทม. โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2558 และแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2560
นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินที่น่าสนใจ อาทิ พระเครื่อง 150 รายการ มูลค่ารวม 8,312,000 บาท โดยพระเครื่องบางองค์แจ้งไว้ว่ามีมูลค่า 1 ล้านบาท ทั้งสมเด็จวัดระฆัง, สมเด็จจิตลดา, หลวงปู่ทวดรุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ นอกจากนั้นยังมีนาฬิกา 12 รายการมูลค่ารวม 5,418,000 บาท บางเรือนมีมูลค่าสูงถึง 1,800,000 บาท และ 1,600,000 บาท
ส่วนทรัพย์สินของนางพรวิมล ที่น่าสนใจ อาทิ แหวน 109 รายการ มูลค่ารวม 15,351,500 บาท โดยบางวงมูลค่าสูงถึง 4,900,000 บาท ต่างหู 74 รายการ มูลค่ารวม 6,384,500 บาท นาฬิกา 21 รายการ มูลค่ารวม 4,185,000 บาท โดยนาฬิกาบางเรือนมีมูลค่าสูงถึง 1,400,000 บาท
และเมื่อเปรียบเทียบกับการแจ้งไว้ตอนที่พล.อ.ศิริชัย เข้ารับตำแหน่ง พบว่านางพรวิมล แจ้งว่ามีแหวน 112 รายการ มูลค่ารวม 16,636,500 ซึ่งเท่ากับว่าทรัพย์สินในส่วนดังกล่าวของนางพรพิมลลดลงประมาณ 1,285,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ในแฟ้มแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ช่วงพ้นตำแหน่งดังกล่าว ไม่ปรากฎเอกสารสัญญาซื้่อขายแหวนเพชรทั้ง 3 รายการไว้ด้วย จึงไม่สามารถยืนยันรายละเอียดได้ชัดเจนว่า ใครเป็นผู้ที่รับซื้อแหวนเพชรทั้ง 3 รายการ ดังกล่าว
สำหรับ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล กรณีพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ไปรับตำแหน่ง รมช.กลาโหม แจ้งว่า ตนเองและคู่สมรส มีทรัพย์มากกว่าหนี้สิน 30,384,578 บาท เมื่อเทียบกับกรณีเข้ารับตำแหน่ง แจ้งว่ามีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 26,672,147 บาท เท่ากับว่าพล.อ.ชัยชาญมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 3,712,431 บาท โดยทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นเป็นทรัพย์สินในส่วนของยานพาหนะ
เมื่อตรวจสอบในรายละเอียดพบว่า พล.อ.ชัยชาญได้แจ้งว่ามีรายได้จากการขายรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ ในราคา 300,000 บาท ในช่วงเดือน ต.ค. 2560 และได้ซื้อรถยนต์เมอร์เซเดสเบนซ์ e 350 ในราคาประมาณ 3.2 ล้านบาท เมื่อช่วงเดือน ต.ค.2560 เช่นกัน
ขณะที่ในส่วนของทรัพย์สินของพล.อ.ธีรชัย นาควานิช พ้นจากตำแหน่ง สนช. ครบ 1 ปี พบว่าพล.อ.ธีรชัยและคู่สมรส แจ้งว่ามีทรัพย์สิน 77,663,350 บาท ไม่มีหนี้สิน ซึ่งเมื่อเทียบกับกรณีพ้นจากตำแหน่งที่แจ้งว่ามีทรัพย์สิน 88,325,682 บาท เท่ากับว่า พล.อ.ธีรชัย มีทรัพย์สินลดลง 10,662,332 บาท
โดยเป็นทรัพย์สินในส่วนของโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเมื่อตรวจสอบในรายละเอียดแล้วพบว่า ในการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อปี 2559 พล.อ.ธีรชัย ได้แจ้งว่า มีบ้านทั้งหมด 3 รายการ ประกอบด้วย บ้านย่านถนนติวานนท์ 48 ที่ได้มาตั้งแต่ปี 2547 มูลค่า 7,000,000 บาท, บ้านแฝดเลขที่ 2/3 และบ้านแฝดเลขที่ 2/4 ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเดียวกัน และแจ้งว่าได้มาในวันเดียวกันคือวันที่ 10 มี.ค.2559 มูลค่า 5,982,103 บาท เท่ากันทั้ง 2 หลัง ซึ่งบ้านทั้ง 3 หลังแจ้งไว้ว่าเป็นของพล.อ.ธีรชัย แต่ในการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพ้นจากตำแหน่ง สนช. ครบ 1 ปี กลับพบว่า พล.อ.ธีรชัย แจ้งว่า มีบ้านหลังเดียวคือบ้านย่านถนนติวานนท์ 48 ที่ได้มาตั้งแต่ปี 2547 มูลค่า 7,000,000 บาท และเมื่อตรวจสอบต่อไปก็พบว่าบ้านแฝดทั้ง 2 หลังข้างต้น ถูกแสดงไว้ในที่อยู่บุตรทั้ง 2 คน คือ นายเบญจพล นาควานิช และนายภัทรพล นาควานิช
นอกจากนั้นยังพบความน่าสนใจในส่วนอื่น โดยเฉพาะทรัพย์สินในส่วนของยานพาหนะ ซึ่งพล.อ.ธีรชัยแจ้งว่ามีรายได้จากการขายรถยนต์เมอร์เซเดสเบนซ์ e 300 ไปในราคา 2,000,000 บาท ขณะที่ พล.ท.หญิง บุญรักษา นาควานิช คู่สมรส แจ้งว่ามีรายได้จากการขายรถยนต์โตโยต้าอัลตีส ราคา 500,000 บาท และขายรถยนต์เมอร์เซเดสเบนซ์ c 350 e ราคา 1,800,000 บาท
ขณะเดียวกัน พล.อ.ธีรชัย ก็แจ้งว่ามีรายจ่ายจากการซื้อรถยนต์ เมอร์เซเดสเบนซ์ e 350 e เมื่อช่วงเดือน ก.ย.2560 ราคา 3,940,000 บาท
เช่นเดียวกับพล.ท.หญิง บุญรักษา ที่แจ้งว่ามีรายจ่ายจากการซื้อรถยนต์เมอร์เซเดสเบนซ์ GLA 250 เมื่อช่วงเดือน ส.ค.2560 ราคา 2,300,000 บาท
ทั้งหมดนี่ เป็นข้อมูลเชิงลึกที่ปรากฎอยู่ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ นายทหารระดับสูง 3 ราย ช่วงพ้นตำแหน่งสำคัญ ที่สำนักข่าวอิศรา นำมาเสนอส่งท้ายปี 2560 เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบ ซึ่งจะเห็นได้ว่า มีการซื้อขายรถยนต์และทรัพย์สินบางส่วนเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม การนำเสนอข้อมูลข่าวสารครั้งนี้ ไม่สามารถที่จะถ่ายภาพทรัพย์สินมานำเสนอประกอบได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ห้ามไม่ให้ถ่ายภาพ แต่ให้ดูได้ด้วยตาเปล่าเท่านั้น
ทั้งที่ การถ่ายภาพเอกสารทรัพย์สินต่างๆ เพื่อนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ มิได้ถูกระบุเป็นข้อห้ามใน ประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของ ผู้ดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาและเจ้าหน้าที่ของรัฐพ.ศ. 2560 (อ่านประกาศฉบับเต็มที่นี่) แต่อย่างใด
ไม่ว่าเหตุผลสำคัญอะไรที่ทำให้ ป.ป.ช. นำมาตรการสั่งห้ามสื่อมวลชนถ่ายภาพทรัพย์สินมาใช้ประกอบการนำเสนอข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะมาใช้บังคับอย่างเข้มงวด ทั้งที่ การเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ เป็นแนวทางสำคัญในการเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนและประชาชนเข้ามามีส่วนรวมในการตรวจสอบข้อมูลทรัพย์สินของนักการเมือง
แต่เพื่อความสบายใจของป.ป.ช. สื่อมวลชนก็คงต้องทำตามที่ ป.ป.ช.เห็นสมควร "ถูกครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับนาย"
หากประชาชนท่านใดที่ต้องจะรับรู้รับทราบข้อมูลทรัพย์สินเพิ่มเติม ขอเชิญติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เพื่อสืบค้นด้วยตนเอง นับจากนี้ต่อไปจนกว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในอนาคต