ยูนิเซฟคาดมีเด็กเกิดในวันขึ้นปีใหม่เกือบ 1,900 คนในประเทศไทย
ยูนิเซฟระบุในวันนี้ว่า ในวันที่ 1 มกราคม หรือวันขึ้นปีใหม่นี้ จะมีเด็กเกิดใหม่ในประเทศไทยราว 1,886 คน โดยคิดเป็นร้อยละ 0.49 ของเด็กที่เกิดในวันขึ้นปีใหม่ทั่วโลก ซึ่งมีจำนวนราว 385,793 คน
โดยครึ่งหนึ่งของเด็กที่เกิดในวันปีใหม่ทั้งหมดทั่วโลกเกิดใน 9 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย 69,070 คน, จีน 44,760 คน, ไนจีเรีย 20,210 คน, ปากีสถาน 14,910 คน, อินโดนิเซีย 13,370 คน, สหรัฐอเมริกา 11,280 คน, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก 9,400 คน, เอธิโอเปีย 9,020 คน, บังคลาเทศ 8,370 คน
อย่างไรก็ตาม แม้ทารกจำนวนมากทั่วโลกรอดชีวิตหลังคลอด แต่มีทารกจำนวนไม่น้อยที่ต้องเสียชีวิตหลังคลอด ในพ.ศ. 2559 มีทารกราว 2,600 คนเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด ในขณะที่ทารกอีก 2 ล้านคนเสียชีวิตภายในหนึ่งอาทิตย์หลังคลอด ส่งผลให้มีทารกทั้งหมดราว 2.6 ล้านคนเสียชีวิตภายในหนึ่งเดือนหลังคลอด โดยร้อยละ 80 เสียชีวิตจากสาเหตุที่ป้องกันได้ เช่น การคลอดก่อนกำหนด ภาวะแทรกซ้อนระหว่างคลอด และการติดเชื้อ
ในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา อัตราการเสียชีวิตของเด็กทั่วโลกลดลงถึงครึ่งหนึ่ง โดยในพ.ศ. 2559 อัตราของเด็กที่เสียชีวิตก่อนอายุครบ 5 ปีทั่วโลกอยู่ที่ 5.6 ล้านคน อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของทารกแรกคลอดยังเป็นเรื่องน่ากังวล โดยทารกที่เสียชีวิตภายในหนึ่งเดือนคิดเป็นร้อยละ 46 ของจำนวนเด็กที่เสียชีวิตก่อนอายุ 5 ปี
ในเดือนหน้า ยูนิเซฟจะออกโครงการที่ชื่อว่า Every Child Alive ทั่วโลก เพื่อเรียกร้องให้มีการบริการสุขภาพที่มีคุณภาพและไม่แพงสำหรับแม่และทารกแรกคลอดทั่วโลก อันรวมถึงการมีน้ำดื่มสะอาด ไฟฟ้า และการมีเจ้าหน้าที่ผู้เชื่ยวชาญในการทำคลอด อุปกรณ์ตัดสายสะดือที่ปลอดเชื้อ และการส่งเสริมการกินนมแม่ในช่วงหนึ่งชั่วโมงแรกของชีวิต
นายอลิสแตร์ เกรทาร์สัน หัวหน้าแผนกสื่อสารองค์กร องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า ”เรากำลังเข้าสู่ยุคที่เด็กเกิดใหม่ทั่วโลกควรต้องมีโอกาสเห็นโลกในศตวรรษที่ 22 แต่น่าเสียดายที่เด็กครึ่งหนึ่งที่เกิดในปีนี้อาจไม่มีโอกาสนั้น ขณะที่เด็กที่เกิดใหม่ในสวีเดนในเดือนมกราคมนี้มีแนวโน้มที่จะมีอายุขัยเฉลี่ยที่ ค.ศ. 2100 แต่เด็กที่เกิดในโซมาเลียกลับมีแนวโน้มมีอายุขัยเฉลี่ยเพียงไม่เกิน ค.ศ. 2075”