ผู้เชี่ยวชาญฟันธงผู้ต้องสงสัยไอเอสหิ้วปืนขึ้น "เจ้าจำปี" ไม่เกี่ยวโจมตีไทย!
มีข่าวเล็กๆ ที่น่าจับตา เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ความมั่นคงของไทยอย่างมาก นั่นก็คือข่าวการจับกุมชายชาวมาเลเซีย ซึ่งต้องสงสัยเป็นสมาชิกกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส ขณะเตรียมขึ้นเครื่องของการบินไทยจากปากีสถาน มุ่งหน้าสู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ พร้อมอาวุธปืนพกมากถึง 4 กระบอก
สำนักข่าวต่างประเทศและสื่อมวลชนมาเลเซีย รายงานว่า มีชายชาวมาเลเซีย อายุแค่ 20 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่รัฐซาราวัก ถูกจับกุมที่ท่าอากาศยานจินนาห์ ในเมืองการาจี เมืองใหญ่ของประเทศปากีสถาน
ข่าวนี้ดูเผินๆ ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับไทย แต่ปรากฏว่าชายชาวมาเลเซียคนนี้ถูกจับก่อนขึ้นเครื่องบินของการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 342 ปลายทางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยเจ้าหน้าที่ตรวจพบปืนพก 4 กระบอก ซองกระสุน 8 ซอง และกระสุนอีก 70 นัด แยกชิ้นส่วนซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสัมภาระและรองเท้า
ภายหลังการจับกุม เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของปากีสถานได้สอบปากคำผู้ต้องสงสัยรายนี้อย่างเคร่งเครียด ขณะที่ทางการมาเลเซียได้ประสานขอให้ส่งตัวชายรายนี้ให้มาเลเซีย
ข่าวจากหลายแหล่งรายงานตรงกันว่า การเดินทางของผู้ต้องสงสัยเป็นสมาชิกกลุ่มไอเอสรายนี้ จะต้องผ่านไทยก่อนเดินทางต่อไปยังกัวลาลัมเปอร์ด้วย บ้างก็ตั้งข้อสังเกตว่าการนำอาวุธปืนขึ้นเครื่องบินของการบินไทย อาจเป็นความพยายามจี้เครื่องบิน หรือก่อการร้ายรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งหรือไม่ เพราะมาเลเซียก็เป็นแหล่งบ่มเพาะหนึ่งของกลุ่มไอเอส ที่ผ่านมามีการจับกุมสมาชิกกลุ่มไอเอสได้เป็นระยะ และเคยมีคนสัญชาติมาเลเซียไปร่วมรบกับไอเอสในตะวันออกกลางด้วย
ขณะที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถูกมองว่าเป็นเป้าหมายใหม่ในการแผ่อิทธิพลของไอเอส ภายหลังพ่ายแพ้ในอิรักและซีเรีย โดยมีฐานของกลุ่มหัวรุนแรงในประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ส่วนไทยก็มีความอ่อนไหวเพราะยังมีปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่ในปัจจุบัน
แต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มองเหตุการณ์นี้เป็นแค่เพียงการขนอาวุธผิดกฎหมาย ไม่เกี่ยวอะไรกับการก่อการร้ายและไทย
"การจับกุมชายชาวมาเลเซียขณะลอบนำอาวุธปืนขึ้นเครื่องบินของการบินไทย ไม่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย เป็นเพียงการขนอาวุธผิดกฎหมาย และไม่มีความเกี่ยวข้องกับประเทศไทย เพราะประเทศไทยเป็นเพียงทางผ่าน และไม่คิดว่าจะเป็นการจี้เครื่องบินด้วย"
เช่นเดียวกับ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่บอกว่า ไม่น่าจะเป็นการเตรียมก่อเหตุจี้เครื่องบินของการบินไทย เพราะการจี้เครื่องบินไม่สามารถทำได้ด้วยคนเพียงคนเดียว และไม่ทราบว่าผู้ถูกจับกุมรายนี้ต้องการจะมาก่อเหตุในประเทศไทย หรือแค่ใช้ไทยเป็นทางผ่าน จึงต้องรอผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่อย่างละเอียดอีกครั้ง
แหล่งข่าวระดับสูงผู้เชี่ยวชาญงานด้านความมั่นคง วิเคราะห์ว่า ชายชาวมาเลเซียที่ถูกจับกุม ไม่ใช่เป็นการเตรียมปล้นยึดเครื่องบิน เพราะชายคนนี้แยกชิ้นส่วนปืนและเครื่องกระสุนออกจากกัน แล้วแพ็คมาในกระเป๋าที่โหลดใต้ท้องเครื่องบิน
ส่วนสาเหตุที่ขึ้นเครื่องบินของการบินไทย ก็ไม่ได้มีนัยสำคัญอะไร เพราะปกติคนมาเลย์นิยมเดินทางผ่านกรุงเทพฯ แล้วต่อเครื่องหรือนั่งรถไฟไปมาเลเซียอยู่แล้ว
"สำหรับเด็กหนุ่มคนนี้ อาจเป็นเพราะทางการมาเลเซียขึ้นบัญชีดำเขาเอาไว้ ถ้าไปลงเครื่องที่มาเลเซียก็เสี่ยงถูกจับ. การเดินทางมาลงเครื่องที่กรุงเทพฯ แล้วต่อรถไฟหรือ นั่งรถไปลงชายแดน จากนั้นเดินทางผ่านด่านเข้ามาเลเซีย จะมีความปลอดภัยกว่ากันมาก" ผู้เชี่ยวชาญงานด้านความมั่นคง ระบุ
อย่างไรก็ดี จากการสอบถามความเห็นไปยังนักการทหาร และนักวิชาการด้านความมั่นคงหลายๆ คน มีมุมมองที่ใกล้เคียงกันว่า ไทยมีความเสี่ยงที่จะเป็นเป้าหมายของกลุ่มไอเอส ไม่ใช่แค่เดินทางผ่าน เพียงแต่ขณะนี้อาจยังไม่มีเงื่อนไขมากพอที่จะเคลื่อนไหวหรือสร้างสถานการณ์ในประเทศไทย แต่ก็ถือว่ามีความเสี่ยงสูง และผู้ใหญ่ในรัฐบาลยังไม่ให้ความสำคัญกับปัญหานี้เท่าที่ควร
--------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : ภาพอาวุธปืนที่ผู้ต้องสงสัยเป็นสมาชิกไอเอสชาวมาเลเซีย เตรียมหิ้วขึ้นเครื่องการบินไทย
ขอบคุณ : ภาพจากเว็บไซต์สำนักข่าวต่างประเทศ