มุสลิมไทยเฮรับมติยูเอ็น "ทรัมป์"โมฆะปม"เยรูซาเล็ม"
มัสยิดหลายแห่งในประเทศไทย โดยเฉพาะที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมกว่า 3,000 แห่ง จัดกิจกรรมให้ความรู้ และแสดงจุดยืน "ปกป้องอัลกุดส์" ภายหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศรับรองให้ "เยรูซาเล็ม" เป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ โดยมีกิจกรรมละหมาดฮายัต ขอพรจากอัลลอฮ์ รวมทั้งขอบคุณทุกคนทั้งโลกและทุกคนในประเทศไทยที่ร่วมกันปกป้องอัลกุดส์
กิจกรรมจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 22 ธ.ค.60 ตรงกับวันที่มีการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ที่มีสมาชิก 193 ประเทศ เพื่อให้การประกาศรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ที่ประกาศโดยผู้นำสหรัฐ เป็นโมฆะ ปรากฏว่าผลการลงมติ มีถึง 128 ประเทศรวมทั้งไทย ที่ออกเสียงคัดค้านสหรัฐ โดยมีเพียง 9 ประเทศที่สนับสนุนท่าทีของทรัมป์ และอีก 35 ประเทศที่งดออกเสียง
กิจกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังจากสำนักจุฬาราชมนตรี และสำนักงานคณะกรรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทุกจังหวัด ประกาศให้พี่น้องมุสลิมทั่วประเทศร่วมกันละหมาดฮายัต ขอพรจากอัลลอฮ์ ให้ทรงปลดปล่อยมัสยิดอัลอักซอจากเงื้อมมือสกปรกของระบอบไซออนิสต์
คำว่า "ปกป้องอัลกุดส์" ซึ่งเป็นชื่อกิจกรรมที่จัดขึ้นแทบทุกมัสยิดทั่วประเทศไทยนั้น "อัลกุดส์" เป็นคำภาษาอาหรับ แปลว่าโดมทองของมัสยิดอัลอักซอ โดยมัสยิดแห่งนี้เป็นมัสยิดเก่าแก่ที่ความสำคัญของประวัติศาสตร์อิสลาม ปัจจุบันตั้งอยู่ในเยรูซาเล็ม ฉะนั้นในอีกบริบทหนึ่ง "อัลกุดส์" จึงมีความหมายถึง "เยรูซาเล็ม" ด้วย
ตามประวัติศาสตร์ อัลกุดส์อยู่ภายใต้การปกครองของมุสลิมมาตลอด กระทั่งเข้าสู่ยุครุ่งเรืองของอาณาจักรออตโตมานเติร์ก ช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ทำให้ชาวยิวจากทั่วโลกอพยพเข้าไปในอัลกุดส์มากขึ้น โดยอ้างตามความเชื่อว่าแผ่นดินบริเวณนั้น (เยรูซาเล็ม) คือแผ่นดินที่พระเจ้าสัญญาไว้ให้แก่พวกตน
ต่อมาหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 อัลกุดส์ตกเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินปาเลสไตน์ใต้อาณัติของอังกฤษ และชาวยิวได้รับโอกาสให้อพยพเข้ามาอยู่ในดินแดนแห่งนี้มากขึ้น จนเกิดการต่อต้านจากชาวอาหรับที่อาศัยอยู่เดิม กระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงปี ค.ศ.1948 ชาติมหาอำนาจตะวันตกได้ตกลงกันให้ชาวยิวตั้งรัฐอิสราเอลขึ้นบนแผ่นดินปาเลสไตน์ และผนวกเอา "อัลกุดส์" เข้าเป็นส่วนหนึ่งของอิสราเอลด้วย จนเกิดความขัดแย้งกับปาเลสไตน์ และตกลงกันไม่ได้ กลายเป็นหนึ่งในปัญหาความตึงเครียดของภูมิภาคตะวันออกกลาง
ฉะนั้นการประกาศของประธานาธิบดีสหรัฐ ที่รับรองให้เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลโดยสมบูรณ์ จึงไม่ต่างอะไรกับการราดน้ำมันบนกองเพลิง ซึ่งตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีการชุมนุมประท้วงและมีความรุนแรงเกิดขึ้นเป็นระยะ
ส่วนคำว่าระบอบไซออนิสต์ เป็นคำที่ใช้เรียก "ชาวยิว" และการปกครองของยิว
ที่มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า สำนักจุฬาราชมนตรี และคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ในนามมุสลิมไทยทั้งมวล ขอเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศมุสลิมทั้งหมด เร่งปฏิบัติตามมติของที่ประชุมองค์การความร่วมมืออิสลาม หรือโอไอซี ซึ่งได้จัดประชุมกันที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.60 ขอให้รัฐบาลของทุกประเทศในโอไอซี เร่งสร้างเอกภาพและภราดรภาพเพื่อรวมตัวกันพิทักษ์ "มัสยิด อัล อักซอ" และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของพี่น้องปาเลสไตน์ โดยให้ถือเป็นวาระแห่งชาติของทุกประเทศ และขอให้ประเทศสมาชิกโอไอซีทั้งหมดร่วมกันสร้างพลังเพื่อถ่วงดุลอำนาจของสหรัฐ หรือชาติอื่นใดที่ทำการละเมิดสิทธิมนุษยชน ละเมิดดินแดนและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศอื่น
"สหรัฐอเมริกาได้แสดงบทบาทเป็นตัวกลางในการเจรจาสันติภาพระหว่างปาเลสไตน์กับอิสราเอลเสมอมา ตั้งแต่มีข้อพิพาทแย่งชิงดินแดนของปาเลสไตน์โดยยิวไซออนิสต์ แม้โลกมุสลิมจะรู้ว่าอเมริกาเอนเอียงไปทางอิสราเอลมากกว่าปาเลสไตน์ แต่ก็ยอมให้ดำเนินการไกล่เกลี่ยมาเป็นระยะ ในฐานะที่เป็นชาติมหาออำนาจของโลก กระทั่งเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.60 ความเหมาะสมที่สหรัฐจะดำเนินบทบาทเป็นผู้ไกล่เกลี่ยเจรจาเพื่อสันติภาพระหว่างปาเลสไตน์กับอิสราเอลก็หมดสิ้นลง เมื่อ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ออกคำประกาศยอมรับให้เมืองอัลกุดส์ หรือเยรูซาเล็ม เป็นเมืองหลวงของระบอบโซออนิสต์ ซ้ำยังมีแผนการจะย้ายสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาไปอยู่ที่นั่นด้วย" นายแวดือราแม ระบุ
และว่า คำประกาศของทรัมป์ ไม่ได้ละเมิดสิทธิ์เฉพาะชาวปาเลสไตน์เจ้าของดินแดนอัลกุดล์เท่านั้น แต่ยังละเมิดสิทธิ์ของมุสลิมทั่วโลกอีกด้วย เนื่องจากไปยก มัสยิด อัล อักซอ อันเป็นศาสนสถานสำคัญของอิสลามให้ไปอยู่ภายใต้การปกครองของระบอบไซออนิสต์ คำประกาศนี้ขัดแย้งและสวนทางกับมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ 242, 252 และ 267 ที่เรียกร้องให้อิสราเอลถอนทหารออกจากกรุงเยรูซาเล็มทันที รวมทั้งให้ยุติการสร้างอาณานิคมชาวยิวในบริเวณนั้นด้วย
ด้าน นายซาการียา ดาเล็ง ผู้นำศาสนาใน จ.ปัตตานี กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ทุกคนจดจำเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ กรณีสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ลงมติยืนยันปกป้องอัลกุดส์ และให้คำประกาศของอเมริกาเป็นโมฆะ เนื่องจากขัดแย้งกับมติของสหประชาชาติ และคณะมนตรีความมั่นคงที่ผ่านๆ มา ทำให้คำประกาศของทรัมป์ที่ได้ประกาศว่าเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลเป็นโมฆะ และขอขอบคุณรัฐบาลไทย ขอบคุณนานาอารยประเทศ ขอบคุณตุรกี ที่ทุ่มเทสุดกำลัง ขอบคุณโลกมุสลิมและโลกอาหรับทุกประเทศต่อจุดยืนเกียรติยศในครั้งนี้