ศาลนัดสืบพยานคดี “หมุดคณะราษฎร” 9 ต.ค.61
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2560 นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ และสมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อมทีมทนาย เดินทางมายังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เนื่องจากศาลได้นัดไต่สวนตรวจหลักฐาน ในคดีดำ อ.3158/60 ที่ ทางพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6 สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ฟ้อง นายวัฒนา เมืองสุข เป็นจำเลยฐานกระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ พ.ศ.2550 และพ.ศ. 2560 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ในข้อหากระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช้เป็นการกระทำภายใต้ความมุงหมายแห่งรัฐธรรมนูญฯ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในราชอาณาจักรฯ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงของประเทศ
จากกรณีระหว่าง วันที่ 17 เม.ย.- 30 พ.ค. 2560 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ค “Watana Muangsook” หัวข้อ “หมุดที่หายไปเป็นสมบัติของชาติ” โดยมีเนื้อหาอันเป็นเท็จ บิดเบือนความจริง ที่ห้องพิจารณาคดี 703โดยคดีนี้อัยการได้ยื่นฟ้องยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา ว่าเมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2560 เวลา 18.01 น. นายวัฒนาใช้เฟซบุ๊กชื่อ Watana Muangsook โพสต์ข้อความในหัวข้อ “หมุดที่หายเป็นสมบัติของชาติ” โดยระบุว่า หมุดคณะราษฎรเป็นโบราณวัตถุ เป็นสมบัติชาติ การที่หมุดคณะราษฎรสูญหายไป ผู้ที่เก็บหรือเบียดบังเอาไปเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน รัฐบาลสมควรถูกประณามเพราะหมุดอยู่ในบริเวณเขตพระราชฐานแต่ไม่มีปัญญารักษาไว้ได้ และยังโพสต์ข้อความบิดเบือนให้บุคคลเข้าใจผิดว่าบุคคลทำการถอนหมุดจะต้องเป็นบุคคลที่มีความต้องการลบประวัติศาสตร์ เป็นการกระทำของพวกต่อต้านประชาธิปไตย รัฐบาลจึงต้องรับผิดชอบหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้ หากทำไม่ได้ก็เท่ากับรัฐบาลรู้เห็นกับฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตย
ซึ่งเป็นการทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด มีทัศนคติไม่ดีต่อรัฐบาล และเกลียดชังรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และยังโพสต์ข้อความอีกว่า การแสดงตัวตรงข้ามประชาธิปไตยของรัฐบาลมีให้เห็นมาโดยตลอด คือการออกกฎหมายที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพ เช่นการบังคับสื่อต้องมีใบอนุญาต หรือกฎหมายว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ภารกิจแรกที่ตนจะดำเนินการในสภาผู้แทนราษฎรคือการยกเลิกกฎหมายดังกล่าว เป็นการปลุกกระแสกลุ่มคนที่มีความคิดเกลียดชังรัฐบาลเผด็จการ และต้องการต่อต้านการทำงานของรัฐบาลเพื่อเป็นการชี้นำชักชวนให้กลุ่มคนดังกล่าวและประชาชนทั่วไปออกมาเคลื่อนไหว หรือชุมนุมทางการเมืองต่อต้านการทำงานของรัฐบาลเพื่อทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเห็นได้จากผู้ที่มาโพสต์แสดงความคิดเห็นในโพสต์ของนายวัฒนาเป็นจำนวนมากในลักษณะที่ต่อต้านรัฐบาล เหตุเกิดที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ
ศาลได้อ่านคำฟ้องให้จำเลยฟังและสอบถามแล้วสอบถามว่า จะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ ปรากฏว่า นายวัฒนา จำเลยให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี โดยจำเลยยืนยันว่าเฟซบุ๊กเป็นของตนเองจริง แต่สิ่งที่โพสต์เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตตามรัฐธรรมนูญ ไม่ผิดตามฟ้อง
ต่อมาอัยการโจทก์ได้เสนอพยานเอกสารพร้อมพยานบุคคลขึ้นสืบพยาน อาทิเช่น พนักงานสอบสวน ผู้อ่านโพสต์เฟซบุ๊กของจำเลย ขณะที่ทนายความจำเลยเสนอพยานบุคคลขึ้นสืบพยาน อาทิเช่น นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณวัตถุ ผู้ร้องทุกข์เรื่องหมุดคณะราษฎรสูญหาย และอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นต้น ศาลกำหนดนัดสืบพยานโจทก์จำนวน 11 ปาก ใช้เวลา 3 นัด และสืบพยานจำเลยจำนวน 11 ปาก ใช้เวลา 4 นัด เริ่มสืบพยานโจทก์นัดแรกในวันที่ 9 ต.ค. 2561 เวลา 09.00 น.