จี้นายกฯใช้ม.44พักงาน 'บิ๊กป้อม' ชั่วคราวระหว่างตรวจสอบปมนาฬิกา
'ศรีสุวรรณ' เรียกร้อง พล.อ.ประยุทธ์ ใช้มาตรา44 สั่ง "พักงาน" พล.อ.ประวิตรชั่วคราวระหว่างการตรวจสอบปมนาฬิกา-แหวนเพชร
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตาม ม.44 ในการ “พักงาน” หรือระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหมเป็นการชั่วคราว โดยยังไม่พ้นจากตำแหน่งจนกว่าจะมีการตรวจสอบเสร็จ โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนในระหว่างนี้ เฉกเช่นเดียวกับกรณีที่เคยสั่งพักงาน ผู้ว่ากทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร และนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ที่ผ่านมา ทั้งนี้จนกว่า ป.ป.ช. จะได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อครหาและการร้องเรียนแล้วเสร็จ
จากที่ปรากฏเป็นการทั่วไปว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ถูกสาธารณชนและสื่อมวลชนตรวจสอบและจับได้ว่ามีเครื่องประดับนาฬิกา-แหวนเพชรหรูมูลค่าหมายล้านบาทเป็นจำนวนมาก ผิดวิสัยตามปกติของผู้ที่มีรายได้จากเงินเบี้ยเลี้ยง-บำนาญและเงินเดือนของนักการเมือง อีกทั้งไม่ปรากฎในรายงานเอกสารแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่จะต้องแจ้งให้ ป.ป.ช.ทราบตามที่กฎหมายบัญญัติ จนกระทั่งมีการร้องเรียนให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าจงใจปกปิดทรัพย์สินและอาจเข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติอยู่ในขณะนี้
อีกทั้งขณะนี้ได้มีกลุ่มภาคประชาชนจำนวนมากได้ร่วมกันลงชื่อเพื่อขอให้พล.อ.ประวิตร ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากพฤติกรรมการให้สัมภาษณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ นรท. ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ จนกลายเป็นที่ครหาและวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมกันทั้งบ้านทั้งเมืองอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งสถานการณ์ความมั่นคงในพื้นที่ภาคใต้ก็เกิดการเผารถทัวร์นักท่องเที่ยว โดยไม่หยี่หระต่อการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมโดยชัดแจ้ง
ทั้งนี้ สมาคมฯหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหัวหน้าคสช.จะไม่ “เลือกปฏิบัติ” เพราะพวกพ้องต่อกรณีที่เกิดขึ้นจากการใช้อำนาจของ คสช.ที่ผ่านมา เพื่อธำรงไว้ซึ่งความเสมอภาคและความเป็นธรรมกับผู้ที่เคยต้องคำสั่งของ หัวหน้าคสช.ในลักษณะเดียวกัน อีกทั้งเป็นการรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของ คสช. ในการเข้ามาทำงานเพื่อปราบโกง หรือปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นได้อย่างจริงจัง ด้วยการ “ตัดอวัยวะบางส่วนทิ้งเพื่อรักษาชีวิต” หรือเพื่อรักษาองค์กรไว้ต่อไป