นาทีชีวิตคนร้ายบุกจี้รถทัวร์เบตง-กรุงเทพฯ ช่วยผู้โดยสารหิ้วกระเป๋าก่อนเผาทั้งคัน!
"คนร้ายขึ้นมาบนรถทัวร์ บอกให้ลงจากรถทั้งหมด ป้าก็ลงจากรถอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งเข้าป่าข้างทาง กลุ่มคนร้ายเข้ามาช่วยหิ้วกระเป๋าให้ป้า บอกว่าไม่เอาชีวิต จะเอารถอย่างเดียว"
เป็นคำบอกเล่าถึงนาทีระทึกขวัญของ ป้าพวงสุดา โลแพทย์ วัย 65 ปี ชาวอำเภอเบตง จ.ยะลา หนึ่งในผู้โดยสารที่นั่งมากับรถทัวร์สายเบตง-กรุงเทพฯ เพื่อไปหาหมอที่เมืองหลวงของประเทศ ห่างจากเบตงนับพันกิโลเมตร
รถทัวร์ขับออกจากเบตงช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ที่ 17 ธ.ค.60 เป็นรถทัวร์ของ บริษัทสยามเดินรถ หมายเลขทะเบียน 6627 กรุงเทพมหานคร โชเฟอร์ใช้เส้นทางสาย 410 ซึ่งเป็นเส้นทางสายปกติ แต่เมื่อรถแล่นถึงทางโค้งบริเวณป้ยาหมู่บ้านคลองน้ำขุ่น บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 40-47 เขตติดต่อระหว่างบ้านกาโสด หมู่ 5 กับ อ.ถ้ำทะลุ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ก่อนถึงที่ทำการ อบต.เพียง 500 เมตร ก็เกิดความผิดปกติขึ้น
ความผิดปกตินั้นเป็นเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวที่ทำเอาทุกคนขวัญหนีดีฝ่อ เพราะมีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 10 คนพร้อมอาวุธครบมือดักรออยู่
ปากคำของ อับดุลเลาะ สะแวบาโง โชเฟอร์วัย 54 ปี ชาว ต.ปูยุด อ.เมือง จ.ปัตตานี ทำให้ทราบว่า ก่อนถึงจุดเกิดเหตุเล็กน้อย มองเห็นยางรถยนต์ถูกเผาอยู่ข้างหน้า รถกระบะที่แล่นขึ้นหน้าไปก่อนได้กลับรถอย่างรวดเร็ว ทำให้รู้สึกแปลกใจ และชะลอความเร็วรถ
"จังหวะนั้นเอง มีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 10 คน อาวุธครบมือ วิ่งเข้ามาที่รถ แล้วไล่ผมกับผู้โดยสารให้ลงจากรถทั้งหมด โดยกลุ่มคนร้ายบอกว่าจะไม่ทำร้ายใคร ผมจึงรีบจอดรถ และวิ่งลงจากรถพร้อมผู้โดยสารเข้าไปอยู่ในป่าข้างทาง จังหวะนั้นทำอะไรไม่ถูก คิดแค่วิ่งลงจากรถให้เร็วที่สุดอย่างเดียว"
โชเฟอร์รถทัวร์เล่าอีกว่า ลักษณะการแต่งกายของคนร้าย สวมชุดสีดำ มีอุปกรณ์ปิดบังใบหน้าทุกคน ตนก็ไม่กล้าสังเกตอะไรมาก เพราะกลัว
"พอไล่ผู้โดยสารลงจากรถทั้งหมด คนร้ายก็เผารถจนวอดทั้งคัน จากนั้นก็โปรยตะปูเรือใบ ตัดต้นไม้ใหญ่ขวางถนน แล้วหลบหนีไปทันที พวกผมหลบอยู่ในป่าข้างทางสักครู่ใหญ่ๆ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองก็เข้ามาช่วยเหลือ แล้วพาไปที่โรงพัก ขณะเกิดเหตุ ในรถมีผู้โดยสาร 14 คน" อับดุลเลาะ บอกด้วยอาการยังไม่หายตกใจ
ขณะที่ป้าพวงสุดา เล่าว่า ตอนแรกที่เห็นร่องรอยการเผายางรถยนต์ คิดว่าเป็นการเผายางของชาวบ้านที่ราคายางพาราตกต่ำ ไม่ได้คิดว่าจะมีเหตุร้ายขนาดนี้
"ข้างหน้ารถทัวรว์ มีรถกระบะ 3 คันกำลังกลับรถอย่างรวดเร็ว ป้ามองเห็นกลุ่มคนร้ายพยายามไล่รถกระบะให้รีบกลับรถไป จากนั้นก็ขึ้นมาที่รถทัวร์ บอกให้ลงไปทั้งหมด ป้าก็ลงจากรถอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งเข้าป่าข้างทาง กลุ่มคนร้ายยังเข้ามาช่วยหิ้วกระเป๋าให้ป้า บอกว่าไม่เอาชีวิต จะเอารถอย่างเดียว ตอนนั้นตกใจและกลัวมาก เพราะส่วนใหญ่ในรถจะเป็นผู้หญิง ป้าวิ่งไปแอบในป่าข้างทางเกือบชั่วโมง โชคดีที่คนร้ายไม่เอาชีวิต" ป้าพวงสุดา เล่านาทีชีวิตที่ไม่คิดว่าจะต้องเจอเหตุร้ายขนาดนี้ระหว่างเดินทางไกล
สำหรับคนบนรถทัวร์มีทั้งหมด 16 คน หนึ่งในนั้นคือโชเฟอร์ อับดุลเลาะ สะแวบาโง อีกคนเป็นพนักงานประจำรถ คือ นายมะรอวี ดิง ที่เหลืออีก 14 คนเป็นผู้โดยสารซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ทราบชื่อคือ นางชัว ศิราเทิดคีรี นายอำนวย กลิ้งอาจ น.ส.จรรยา ร่างน้อย ป้าพวงสุดา โลแพทย์ น.ส.กมลทิพย์ เข็มเอก น.ศ.นุศรา เจ๊ะบู นายบุญเตียง ในโนน นายจิตติ หนูยศ นายรีฎวน เลาะยะผา น.ส.เนตรชนก พิทยาภรณ์ น.ส.ภาวินี กลิ้งอาจ ทั้งหมดปลอดภัยดี
ส่วนอีก 3 คนอยู่โรงพยาบาลบันนังสตา คือ นายฉะดาแฉบู่ สาเหตุที่ต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะเป็นโรคหัวใจ อีกคนคือ น.ส.ปาริชาติ คาโป เป็นลมหมดสติ และ ด.ญ.กันต์นิษฐ์ คาโป ลูกสาวของ น.ส.ปาริชาติ
-----------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 โชเฟอร์รถทัวร์สายเบตง-กรุงเทพฯ ที่ต้องเผชิญเหตุระทึกขวัญ
2 สภาพรถทัวร์หลังถูกเผา
อ่านประกอบ : ควงปืนบุกจี้รถทัวร์เบตง-กรุงเทพฯ จุดไฟเผาวอด โค่นต้นไม้ขวางถนน!