สางปม!ซื้อที่ดิน-สร้างอาคารวัดสังฆทาน อ้างใช้เงินบัญชีมูลนิธิ7ล.แล้วเงินบริจาค11ล.ไปไหน?
"... ในช่วงงานกฐิน ปี 2558 วัดสังฆทาน ได้มีการบอกบุญกฐินเพื่อซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวแล้ว และในปีดังกล่าว มีผู้ร่วมทำบุญงานกฐินของวัด เป็นเงินประมาณ 11 ล้านบาท (ได้รับแจ้งจากฝ่ายการเงินของวัด) ซึ่งได้เงินกฐินเกินกว่าราคาที่ดินที่ซื้อ (จำนวน 8 ล้านบาท) ซึ่งหากมีการนำเงินของมูลนิธิ จำนวน 7.5 ล้านบาท ไปใช้ซื้อที่ดินดังกล่าวจริง แล้วเงินกฐินที่บอกบุญมาซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว จำนวน 11 ล้านบาท หายไปไหน?..."
ในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปมปัญหาความขัดแย้ง ระหว่างลูกศิษย์และพระวัดสังฆทานกลุ่มหนึ่ง กับ พระครูปลัดไพรินทร์ สิริวฑฺฒโน เจ้าอาวาสวัดสังฆทาน ที่กำลังปรากฎเป็นข่าวสำคัญอยู่ในขณะนี้ นอกเหนือจากข้อมูลเกี่ยวกับการเปิดบัญชีเงินฝากธนาคารส่วนตัวในชื่อเจ้าอาวาส ที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้วนั้น (อ่านประกอบ : เอาปัจจัยถวายไปซื้อทอง-แต่สะเพร่าไม่ลงบัญชี! โชว์คลิปพระไพรินทร์แจงเงิน2บช.ดูแลเอง25ล.-16ล.)
การนำเงินมูลนิธิของวัดมาใช้ในการซื้อที่ดิน และก่อสร้างอาคารวัด ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่มีการเปิดรับเงินบริจาคจากญาติโยม โดยอ้างว่า จะนำเงินมาใช้ในการ ซื้อที่ดิน และก่อสร้างศาลาวัดเหมือนกัน นับเป็นประเด็นสำคัญเรื่องหนึ่งที่เป็นชนวนนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่าง ลูกศิษย์และพระวัดสังฆทานกลุ่มหนึ่ง กับ พระครูปลัดไพรินทร์ สิริวฑฺฒโน เจ้าอาวาสวัดสังฆทาน
สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลจากคู่กรณีทั้ง 2 ฝั่งมานำเสนอ ณ ที่นี้
ทั้งนี้ ตัวแทนกลุ่มลูกศิษย์พระวัดสังฆทาน รายหนึ่งให้ข้อมูลสำนักข่าวอิศราว่า เกี่ยวกับปัญหาเรื่องการนำเงินมูลนิธิพุทธอเนกประสงค์วัดสังฆทานออกมาใช้จ่ายนั้น เรื่องสืบเนื่องมาจากกรรมการมูลนิธิพุทธอเนกประสงค์วัดสังฆทานตรวจสอบสมุดบัญชีธนาคารของมูลนิธิ จำนวน 2 บัญชี ได้แก่ สมุดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่ 163-213393XX และเลขที่ 092-10603XX แล้ว
พบว่า ข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2560 เงินทุนเริ่มแรกของมูลนิธิได้หายไปจากบัญชีธนาคารของมูลนิธิ ทั้ง 2 บัญชีดังกล่าว รวมเป็นเงิน จำนวน 7,739,246.32 บาท
จากนั้นกรรมการมูลนิธิจึงได้นิมนต์พระครูปลัดไพรินทร์ สิริวฑฺฒโน มาพูดคุยปรึกษา เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยและประนีประนอมยอมความกัน ณ ห้องกฎหมาย วัดสังฆทาน ซึ่งมีพระเถระและพระภิกษุเข้าร่วมฟังด้วย จำนวน 6 รูป มีคณะของฝ่ายกรรมการมูลนิธิ จำนวน 6 คน และมีพระครูปลัดไพรินทร์ สิริวฑฺฒโน พร้อมคณะทำงานของท่านอีก จำนวน 5 คน รวม 18 คน
กรรมการมูลนิธิได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า เงินทุนเริ่มแรกของมูลนิธิ จำนวน 7,739,246.32 บาท ถูกเบิกออกไปจากบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่ 163-21339XX และ 092-10603XX กล่าวคือ มีการเบิกจ่ายเงินทุนเริ่มแรกของมูลนิธิ 2 ครั้งใหญ่ๆ ดังนี้ (1) ในวันที่ 14 ธันวาคม 2558 จำนวน 7.5 ล้านบาท และ (2) ในวันที่ 6 มีนาคม 2560 จำนวน 5 ล้านบาทตามลำดับ แต่ได้มีการใช้เงินคืนมาแล้วเป็นบางส่วน เงินจึงขาดไปจำนวน 7,739,246.32 บาท
ดังนั้น จึงทำให้เงินทุนเริ่มแรก จำนวน 30 ล้านบาทของมูลนิธิขาดไป ซึ่งเป็นการผิดต่อระเบียบข้อบังคับตราสารของมูลนิธิ ในข้อ 5 ที่กำหนดว่า “มูลนิธิ มีเงินสดจำนวน 30,000,000 บาท เป็นทุนเริ่มแรกของมูลนิธิ”
ขณะที่ระเบียบข้อบังคับตราสารของมูลนิธิ ข้อ 36 ที่กำหนดว่า “การใช้จ่ายเงินของมูลนิธิ ให้จ่ายเพียงดอกผลอันเกิดจากทรัพย์สินที่เป็นทุนของมูลนิธิ และเงินที่ผู้บริจาคมิได้แสดงเจตนาให้เป็นเงินสมทบโดยเฉพาะ”
นอกจากนี้ ข้อ 32 ยังกำหนดว่า “ประธานมูลนิธิ มีอำนาจสั่งจ่ายเงินได้ คราวละไม่เกิน 5,000 บาท ถ้าเกินกว่าจำนวนดังกล่าว ต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการมูลนิธิ โดยเสียงข้างมาก เว้นแต่กรณีจำเป็นและเร่งด่วนให้อยู่ในดุลยพินิจของประธานมูลนิธิ ที่จะอนุมัติให้จ่ายได้ แต่ต้องรายงานให้คณะกรรมการทราบในคราวประชุมต่อไป”
กรรมการมูลนิธิ ยังยืนยันว่าได้เคยแจ้งให้พระครูปลัดไพรินทร์ สิริวฑฺฒโน ทราบตั้งแต่วันที่ท่านได้รับตำแหน่งประธานมูลนิธิและตำแหน่งเจ้าอาวาสแล้วว่า เงินทุนเริ่มแรกของมูลนิธิไม่สามารถนำไปใช้ได้ สามารถนำเพียงดอกผลไปใช้จ่ายได้เท่านั้น
ตัวแทนกลุ่มลูกศิษย์พระวัดสังฆทาน รายนี้ กล่าวอ้างว่า พระครูปลัดไพรินทร์ สิริวฑฺฒโน ยอมรับว่า ได้ถอนเงินทุนเริ่มแรกของมูลนิธิ ในวันที่ 14 ธันวาคม 2558 ไปใช้จริง โดยแจ้งว่า ได้นำเงิน จำนวน 7.5 ล้านบาท ไปซื้อที่ดินให้แก่มูลนิธิในปี 2558 และก่อสร้างอาคารสวรรคาลัย ซึ่งกำลังทำการก่อสร้างอยู่ในขณะนี้ (ณ เดือนตุลาคม 2560) เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของนักบวชวัดสังฆทาน
แต่อย่างไรก็ดี ในประเด็นนี้ กรรมการมูลนิธิมีข้อโต้แย้งว่า ในช่วงงานกฐิน ปี 2558 วัดสังฆทาน ได้มีการบอกบุญกฐินเพื่อซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวแล้ว และในปีดังกล่าว มีผู้ร่วมทำบุญงานกฐินของวัด เป็นเงินประมาณ 11 ล้านบาท (ได้รับแจ้งจากฝ่ายการเงินของวัด) ซึ่งได้เงินกฐินเกินกว่าราคาที่ดินที่ซื้อ (จำนวน 8 ล้านบาท) ซึ่งหากมีการนำเงินของมูลนิธิ จำนวน 7.5 ล้านบาท ไปใช้ซื้อที่ดินดังกล่าวจริง
แล้วเงินกฐินที่บอกบุญมาซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว จำนวน 11 ล้านบาท หายไปไหน?
นอกจากนี้ ที่พระครูปลัดไพรินทร์ สิริวฑฺฒโน ยังชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ได้นำเงินทุนเริ่มแรกของมูลนิธิ จำนวน 5 ล้านบาท ไปใช้ในการก่อสร้างอาคารสวรรคาลัย ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของนักบวชวัดสังฆทานในที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งก็มีความขัดแย้งต่อข้อเท็จจริงเช่นกัน เนื่องจากการก่อสร้างอาคารสวรรคาลัยนั้น มีผู้มีจิตศรัทธาได้บริจาคเงินช่วยค่าก่อสร้าง (คุณเพลินจิตต์ ตันสุขชัย) เป็นเงินเริ่มต้น จำนวน 5.5 ล้านบาทแล้ว และก็ยังมีการประชาสัมพันธ์บอกบุญอยู่ตลอดเวลาจนถึงปัจจุบันนี้ และเมื่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่การเงินของวัดทั้ง 3 คน ก็ไม่สามารถชี้แจงได้ว่านำเงินไปใช้ทำอะไร ตั้งแต่เมื่อไร ทั้งยังมีการใช้เงินของวัดและของมูลนิธิระคนปนกัน ไม่มีการแยกบัญชีของวัดและของมูลนิธิอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้น ล่าสุดสำนักข่าวอิศราได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังพระครูปลัดไพรินทร์ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้
อย่างไรก็ดี พระครูปลัดไพรินทร์ ได้มอบหมายให้ นายวีรวุฒิ ศิวะ ฝ่ายกฎหมายวัดสังฆทาน ชี้แจงถึงกรณีที่มีการเรี่ยไรเงินจำนวน 11 ล้านบาทแทน
นายวีรวุฒิ ชี้แจงว่า เรื่องนี้จริงๆแล้วเป็นการทอดกฐินที่มีการดำเนินการมาเมื่อปี 2558 แล้ว ซึ่งเป็นการทอดกฐินประจำปีแต่ในตอนนั้นเริ่มมีความคิดที่จะก่อสร้างอาคารสวรรคาลัยแล้ว ก็เลยมีการบอกบุญควบคู่ไปกับการทอดกฐิน เพื่อจะเอาเงินมาซื้อที่ดินสร้างอาคารด้วย
แต่อย่างไรก็ตามเงินที่ได้จากการทอดกฐินจำนวนราวๆ 11 ล้านบาทนั้นถูกนำไปใช้เป็นค่าใช้ของวัดและของมูลนิธิจำนวน 5 ล้านบาท นำไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อก่อสร้างอาคารอื่นๆที่ไม่ใช่อาคารสวรรคาลัยอีกจำนวนประมาณ 3 ล้านบาท และเป็นเงินของทางวัดสาขาอีก 3 ล้านบาท ก็รวมเป็น 11 ล้านบาท ดังนั้นเงินก็ไม่น่าจะเหลือแล้ว
ในปี 2558 จึงได้มีการเบิกเงินจากทางมูลนิธิอีกจำนวนประมาณ 8 ล้านบาท เพื่อนำไปซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างอาคารสวรรคาลัย
นายวีรวุฒิกล่าวอีกว่า ต่อมาในปี 2560 ทางวัดได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารอาคารสวรรคาลัย โดยได้มีการรับบริจาคเงินครั้งใหม่จากญาติโยม รวมกับเงินที่ออกจากทางวัดสังฆทานอีกก็น่าจะราวๆ 9 ล้านบาท และมีการเบิกเงินจากมูลนิธิพุทธอเนกประสงค์ไปแล้ว 5 ล้านบาท โดยเงินได้ถูกโอนเข้าบัญชีไปแล้ว 2.5 ล้านบาท ดังนั้นตนขอย้ำว่าเงินที่มีการเรี่ยไรในปี 2558 ได้ถูกใช้ไปหมดแล้ว เลยต้องมีการหาเงินใหม่ในปี 2560 เงินทั้ง สองส่วนไม่เกี่ยวข้องกัน
นายวีรวุฒิกล่าวว่านอกจากนี้ทางพระไพรินทร์ได้ชี้ขอชี้แจงเพิ่มเติมว่าในวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา ถูกข่มขู่จากลูกศิษย์วัดคนหนึ่ง เรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส โดยอ้างว่าพระไพรินทร์นั้นทำผิด ต้องลาออก จะได้ทำการตรวจสอบได้ ทั้งๆที่กลุ่มลูกศิษย์ก็ได้เก็บบัญชีไว้ที่ตัวแล้วทั้งบัญชีของมูลนิธิพุทธอเนกประสงค์ มูลนิธิพุทธภูมิ และบริษัทพัชรพฤกษ์แลนด์ จำกัด รวมทั้งหมด 17 บัญชี โดยไม่ได้มีการชี้แจงอะไรเลย
ทั้งหมดนี้เป็นข้อเท็จจริงจากทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนฝ่ายไหนจะมีน้ำหนักมากกว่ากัน ขอให้สาธารณชนรวมกันตัดสิน
อ่านประกอบ :
วัดสังฆทานแตกหัก!ลูกศิษย์ร้อง'บิ๊กตู่'สอบใช้จ่ายเงินไม่โปร่งใส-เจ้าอาวาสยันบริสุทธิ์ถูกป้ายสี
'พระไพรินทร์'แจงเงินบริจาคเข้ามูลนิธิวัดสังฆทานถูกต้อง
เหมือนเปลี่ยนรบ.ใหม่ ไม่เห็นด้วยต้องปรับออก!พระฝ่ายหนุนแจงเหตุเจ้าอาวาสวัดสังฆทานถูกป้ายสี
ชื่อ'PHAIRIN SIRIS'โผล่5บัญชีรวด! พิสูจน์บช.แบงก์ส่วนตัวเจ้าอาวาสวัดสังฆทานมีจริงไหม?
เปิดกรุทรัพย์สินวัดสังฆทาน ที่ดิน12แปลง ทองคำแท่งเพียบ-ไขปมข้อพิพาทเจ้าอาวาสVSลูกศิษย์