คุก 4 ปี “ท่านชายอ๊อฟ” อ้างเบื้องสูง ตั้งกองกำลังพิเศษ-จัดกฐินพระราชทาน ยกฟ้อง"ผู้การ"คนสนิท
ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชพิพากษาจำคุก 4 ปี "ท่านชายอ๊อฟ"อุปโลกน์ตัวเองเป็นเชื้อพระวงค์ ตั้งกองกำลังอารักขาพิเศษ หลอกจัดกฐินพระราชทาน ยกฟ้อง"ผู้การ"ที่อ้างเป็นทหารคนสนิท เหตุถูกหลอก ตำรวจเร่งล่าเพื่อนร่วมแก๊งอีก 1 ที่ยังหลบหนี
วันนี้ (4 ธ.ค.) ที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช มีรายงานว่า ศาลได้มีคำพิพากษาจำคุก นายไกรสีห์ จันทรปัญญา หรือที่รู้จักในหมู่คนที่หลงเชื่อคือ “ท่านชายอ๊อฟ” และ นายพิษณุ อ่ำวงศา ซึ่งรู้จักในนาม “ผู้การ” ทั้งคู่เป็นจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ประกอบมาตรา 83 จากกรณีที่ นายไกรสีห์ จันทรปัญญา ได้แอบอ้างตัวเองเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง และมีนายพิษณุ อ่ำวงศา สมอ้างตัวเป็นนายทหารติดตามและคอยดูแลฝึกกองกำลังอารักขาพิเศษ
ก่อนที่ทั้งสองรายจะตกเป็นจำเลย พล.ท.ธนเกียรติ ชอบชื่นชม ผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการเข้าร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช ติดตามพฤติกรรมมาหลายเดือนและได้เข้าจับกุมกลางรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ในอำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อเดือนกันยายน 2559
ซึ่งยังมีผู้ต้องหาอีกรายที่หลบหนีไปต่างประเทศคือ นายเพชร อุปถัมภ์ ซึ่งมีพฤติการณ์ในการวางแผน ประสานงานและอุปโลกน์สร้างเรื่องให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อเชื่อถือ ซึ่ง นายเพชร อยู่ในระหว่างการติดตามตัวของเจ้าหน้าที่ ส่วน นายไกรสีห์ และ นายพิษณุ ถูกดำเนินคดีและพนักงานอัยการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช
หลังจากที่ นายไกรสีห์ ได้พยายามต่อสู้คดีในกระบวนการพิจารณาของศาลมาตลอด 1 ปี ล่าสุดศาลได้พิพากษาจำคุก นายไกรสีห์ จันทรปัญญา ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ประกอบมาตรา 83 โดยการนำสืบให้การเป็นประโยชน์ในการพิจารณาคดีจึงลดโทษ 1 ใน 4 คงเหลือจำคุก 4 ปี ส่วน นายพิษณุ ได้นำสืบแสดงให้เห็นว่าถูกหลอกจากนายไกรสีห์ จนหลงเชื่อและเข้ามาดูแลกองกำลังอารักขาพิเศษ โดยไม่มีส่วนรู้เห็นในการอุปโลกน์เรื่องราวขึ้นมา ศาลเมตตาพิพากษายกฟ้องในส่วนของนายพิษณุ ทำให้รอดพ้นจากคดี
สำหรับคดีนี้ พล.ท.ธนเกียรติ ชอบชื่นชม ผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้เจ้าที่ชุดปฏิบัติการออกสืบสวนติดตามพฤติการณ์ของขบวนการแอบอ้างเบื้องสูง โดนายไกรสีห์ อ้างว่าเป็นเองเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง กำลังจัดตั้งเครือข่ายกองกำลังคอยอารักขาบุคคลสำคัญในชื่อ "หน่วยพิทักษ์ความปลอดภัยเฉพาะกิจ" เพื่ออารักขาบุคคลสำคัญที่เข้ามาในพื้นที่ มีประชาชนจำนวนมากหลงเชื่อสมัครเข้าร่วมโดยเสียค่าสมาชิก รวมทั้งอ้างว่าสามารถประสานงานจัดกฐินพระราชทานมายังวัดต่างๆ ในพื้นที่ได้ด้วย ซึ่งได้หลอกหลวงประชาชนในหลายจังหวัดทางภาคใต้ตอนล่างและจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยขณะที่จับกุมนั้นยังมีการเรียกชื่ออ้างเป็นท่านชาย อย่างแนบเนียนและถูกบังทึกภาพไว้ตลอดเวลาเป็นหลักฐานสำคัญในคดี จนกระทั่งถูกศาลพิพากษาจำคุกในที่สุด