คนไทยตื่นตระหนักเกินไปหรือไม่ กับการรุกรานของหนอนนิวกีนี
ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ความตื่นตระหนกมากเกินไป อาจทำให้หนอนตัวแบนชนิดอื่น ๆ ในประเทศไทยถูกคุกคามเกินกว่าเหตุ และส่งผลต่อความสมบูรณ์ของระบบนิเวศในระยะยาวได้
หลังจากที่มีการเผยแพร่ข่าวการระบาดของหนอนนิวกีนีไประยะหนึ่ง จนคนไทยเริ่มติ่นตระหนก
สำนักข่าวอิศรา พาไปทำความรู้จัก "หนอนนิวกีนี" สิ่งมีชีวิตต่างถิ่นรุกราน (Invasive Alien Species) ในมุมมองของนักวิจัย โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านความหลากหลายทางชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ร่วมกันแถลงข่าว “หนอนตัวแบนนิวกินี: แนวทางการวิจัยเพื่อให้ความรู้แก่สังคม และเพื่อการควบคุมการระบาด” เพื่อกำหนดแนวทางการจัดทำโครงการวิจัยให้ความรู้และควบคุมสัตว์ต่างถิ่นรุกราน “หนอนตัวแบนนิวกินี” แก่สังคมวิชาการและประชาชนทั่วไป
สำหรับหนอนตัวแบนนิวกินี (New Guinea Flatworm) หรือชื่อวิทยาศาสตร์ Platydemus manokwari De Beauchamp, 1963 เป็นสัตว์ในกลุ่มเดียวกันกับหนอนตัวแบนอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่บนบก เช่น พลานาเรียบกและหนอนหัวค้อน มีการดำรงชีวิตแบบอิสระและเป็นผู้ล่าสัตว์ชนิดอื่นเป็นอาหาร มีลักษณะลำตัวแบนและเรียวยาว ปลายด้านหัวแหลมกว่าด้านท้าย
ลำตัว บริเวณหัวส่วนต้นพบตา 1 คู่ ลำตัวยาวประมาณ 5 เซนติเมตร กว้าง 0.5 เซนติเมตร ด้านหลังมีสีน้ำตาลเข้มถึงดำ มีเส้นกลางลำตัวสีครีมหรือเหลืองอ่อนพาดยาวตลอดลำตัว ด้านท้องมีสีเทาหรือน้ำตาลอ่อน มีปากและคอหอยอยู่กลางลำตัวด้านท้อง
ศ. ดร.สมศักดิ์ ปัญหา เมธีวิจัยอาวุโส สกว. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านความหลากหลายทางชีวภาพ สกอ. และอาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลว่า หนอนชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดบริเวณเกาะปาปัวตะวันตก ประเทศอินโดนีเซีย และแพร่กระจายไปตามหมู่เกาะแปซิฟิกข้างเคียง สามารถล่าหอยทากบกเป็นอาหาร ทำให้มีการนำเข้าหนอนดังกล่าวเพื่อช่วยกำจัดหอยทากยักษ์แอฟริกา Achatina fulica ในประเทศญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์
ล่าสุดหนอนชนิดนี้ถูกจัดให้เป็น 1 ใน 100 ชนิดสิ่งมีชีวิตต่างถิ่นรุกรานของโลก (World’s Worst Invasive Alien Species) เนื่องจากมีรายงานว่าหนอนดังกล่าวล่าหอยทากบกพื้นถิ่นเป็นอาหารด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้จำนวนและความหลากหลายของหอยทากบกในพื้นที่นั้นลดลง
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าหนอนชนิดนี้สามารถล่าไส้เดือนดิน หนอนริบบิ้น หนอนตัวแบนชนิดอื่น ๆ เหาไม้ รวมทั้งสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหน้าดินขนาดเล็กเป็นอาหารได้ ส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพและความสมบูรณ์ของระบบนิเวศในระยะยาว
หนอนตัวแบนนิวกินีขยายพันธุ์โดยการวางถุงไข่ ภายในมีตัวอ่อน 3-9 ตัว โดยใช้เวลา 6-9 วันในการฟักจากถุงไข่ และเมื่อผ่านไป 3 สัปดาห์หนอนนิวกินีจะเจริญเป็นตัวเต็มวัยพร้อมที่จะสืบพันธุ์ได้อีกครั้ง
จากรายงานพบว่า หนอนนิวกีนีมีอายุขัยได้ถึง 2 ปีในห้องปฏิบัติการ มีกลไกการป้องกันตนเองด้วยการขาดออกเป็นท่อน ๆ เมื่อถูกรบกวน แต่ละท่อนสามารถเจริญเติบโตเป็นตัวที่สมบูรณ์ได้ภายในเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งถือเป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศได้อีกทางหนึ่ง
ปัจจุบันหนอนตัวแบนนิวกินีแพร่กระจายไปทั่วโลก เชื่อว่าแพร่ระบาดไปกับดินเพาะปลูกและต้นไม้ประดับต่าง ๆ ทั้งยังมีรายงานพบในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกในรัฐฟลอริดาเมื่อปี ค.ศ. 2012 ในทวีปยุโรปพบเป็นครั้งแรกที่ประเทศฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 2013 และพบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งแรกที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อปี ค.ศ. 2010
เมธีวิจัยอาวุโส สกว. ระบุว่าจากสถานการณ์ของหนอนตัวแบนนิวกินีที่เริ่มมีการรายงานในประเทศไทย รวมถึงสิ่งมีชีวิตต่างถิ่นรุกรานชนิดอื่น ๆ ที่รู้จักและรับทราบกันเป็นเวลายาวนาน เช่น หอยเชอรี่ ปลาซัคเกอร์ ต้นไมยราพยักษ์ ผักตบชวา ต้นบัวตอง เป็นต้น ทำให้การศึกษาวิจัยขั้นพื้นฐานด้านสิ่งมีชีวิตต่างถิ่นรุกรานมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งนี้ชนิดพันธุ์ต่างถิ่น (introduced/alien species) ทุกชนิดไม่ได้ถือว่าเป็นชนิดที่รุกรานทั้งหมด
ส่วนการกำหนดว่าชนิดใดเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน (invasive species)
ศ. ดร.สมศักดิ์ บอกว่า จะต้องพิจารณาจากคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น มีการระบาดหรือแพร่กระจายรวดเร็วหรือไม่ มีการเพิ่มจำนวนประชากรอย่างรวดเร็วหรือไม่ และมีผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นหรือไม่ ซึ่งองค์ความรู้เหล่านี้จะต้องมาจากการศึกษาวิจัยโดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์อย่างถูกต้อง และการประเมินพื้นที่ที่เคยได้รับผลกระทบจะเป็นข้อมูลสำคัญที่จะนำมาใช้เป็นแนวทางการวางแผนการป้องกันในอนาคตได้
“การประเมินระดับความรุนแรงการรุกรานของหนอนตัวแบนนิวกินีจะต้องอาศัยการศึกษาผลกระทบต่อระบบนิเวศ และชนิดพันธุ์ของหอยทากหรือเหยื่ออื่น ๆ ในท้องถิ่นอย่างรอบด้าน" นักวิจัย ให้มุมมอง และเห็นว่า วันนี้คนไทยตื่นตระหนกมากเกินไปซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดและกำจัดหนอนชนิดอื่นที่เป็นชนิดท้องถิ่น ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อระบบนิเวศแทน เช่น หนอนหัวค้อนและหนอนริบบิ้น ที่มีสีและลักษณะลำตัวที่แตกต่างกันกับหนอนตัวแบนนิวกินี แต่มีบทบาทเป็นผู้ล่าและช่วยควบคุมปริมาณของสัตว์หน้าดินให้มีปริมาณที่เหมาะสมเช่นเดียวกัน รวมทั้งยังเป็นอาหารของสัตว์ขนาดใหญ่ชนิดอื่น ๆ เช่น นกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมฟันแทะ
ที่สำคัญ ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องและความตื่นตระหนกที่มากเกินไปของคนไทย อาจทำให้หนอนตัวแบนชนิดอื่น ๆ ในประเทศไทยถูกคุกคามเกินกว่าเหตุ และส่งผลต่อความสมบูรณ์ของระบบนิเวศในระยะยาวได้
แนวทางปฏิบัติสำหรับประชาชนทั่วไป ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง หากต้องการกำจัดให้ใช้เกลือโรย หรือใช้น้ำร้อนเทราด ห้ามกำจัดโดยการสับหรือทุบเพราะลำตัวสามารถงอกใหม่ได้
ขณะที่ภาคเกษตรกรรมนั้นปัจจุบันถือว่าไม่ได้เป็นศัตรูทางการเกษตร แต่ต้องเฝ้าระวังและสำรวจบริเวณแปลงเกษตรกรรมเพื่อประเมินผลกระทบ อีกทั้งควรมีการตรวจเช็คและห่อบรรจุภัณฑ์ให้เรียบร้อยก่อนการขนส่
เมธีวิจัยอาวุโส สกว. สรุปให้เป็นข้อมูลทิ้งท้าย
และนี่เอง คือความจำเป็นที่ สกว. และศูนย์ความเป็นเลิศด้านความหลากหลายทางชีวภาพ สกอ. เห็นความสำคัญในการร่วมมือเพื่อให้เกิดการศึกษาวิจัยความรู้พื้นฐานของสิ่งมีชีวิตต่างถิ่นที่รุกรานเหล่านี้อย่างเร่งด่วน และจัดทำประเด็นวิจัยตามแนวทางสากลในระบบนิเวศของประเทศไทยและภูมิภาค เพื่อให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่สังคมและเพื่อการควบคุมการระบาด การวิเคราะห์สัตว์ที่เป็นเหยื่อของหนอน เพื่อเผยจุดแข็งจุดอ่อนของหนอนตัวแบนชนิดนี้ในด้านชีววิทยาแขนงต่าง ๆ รวมถึงทราบทิศทางการแพร่กระจายตั้งแต่อดีต การศึกษาผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นและมนุษย์ การเปรียบเทียบพื้นที่การแพร่กระจายในพื้นที่ถิ่นอาศัยของมนุษย์และพื้นที่อนุรักษ์จากข้อมูลวิจัยพื้นฐานที่ดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อไป