'ศรีสุวรรณ'ลุยยื่น กสม.สอบรัฐละเมิดสิทธิ์จับแกนนำต้านโรงไฟฟ้า
เลขาฯ ส.พิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นกรรมการสิทธิ์ฯ สอบรัฐละเมิดสิทธิ์รวบแกนนำต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน 4 เรื่อง สับจับ 15 แกนนำพันธนาการระหว่างฝากขังส่อขัดปฏิญญาสากล จวก "สรรเสริญ" เหยียดหยามชาวบ้าน ก่อนร้อง ป.ป.ช.ตรวจสอบนายกฯ "ประวิตร" ผบช.ภ.จว.สงขลา โฆษกรัฐ กระทำมิชอบด้วยกฏหมาย
วันที่ 30 พ.ย. 2560 ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นำโดยนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการ เข้ายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ผ่านนายโสพล จริงจิตร รองเลขาธิการกสม. ขอให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีการจับกุมแกนนำต่อต้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา
โดยนายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ต้องการให้กสม.ดำเนินการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนใน 4 เรื่อง คือ 1.การเดินเท้าไปคัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าฯของชาวบ้าน ไม่ได้มีการขัดขวางหรือก่อเหตุวุ่นวาย จึงเป็นการใช้สิทธิโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญแต่เจ้าหน้าที่รัฐกลับใช้กำลังเข้าสลายขบวนการเดินเท้าของชาวบ้านซึ่งเข้าข่ายเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ขัดต่อระเบียบวินัย ที่ถือเป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
2 การเข้าควบคุมตัวแกนนำทั้ง 15 คนทั้งหมดยังไม่ใช่ผู้ต้องหา เป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา แต่กลับมีการใช้เครื่องพันธนาการ หรือล่ามโซ่ ระหว่างนำบุคคลทั้งหมดเดินทางไปยังศาลเพื่อฝากขัง ซึ่งการกระทำดังกล่าวขัดต่อปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองที่ประเทศไทยให้การรับรองไว้ 3. การที่พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเดินหน้าประเทศไทย ถึงการหายตัวไปของแกนนำคัดค้านฯ ระหว่างเจ้าหน้าที่เข้าสลายขบวนเดินเท้า ทำนองว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ควบคุมตัวแต่อาจหายไปกับหญิงอื่นนั้น ถือเป็นการเหยียดเพศ หยามชาวบ้านเป็นการลดทอนความน่าเชื่อถือของแกนนำ ถือเป็นการละเมิดปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเช่นกัน และละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่รัฐธรรมนูญมาตรา 4 บัญญัติคุ้มครองไว้
และ 4. การที่นายกรัฐมนตรีออกประกาศจำนวน 4 ฉบับ เรื่องการกำหนดพื้นที่ การปฏิบัติหน้าที่ และลักษณะความผิดอันมีคผลกระทบต่อความมั่นคงภายใน ซึ่งในความเป็นจริงรัฐธรรมนูญได้บัญญัติคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนในเรื่องต่างๆ ไว้รวมถึงเรื่องการชุมนุมฯ การออกประกาศถือเป็นการละเมิดทำให้ประชาชนในพื้นที่ 4 อำเภอสามจังหวัด ต้องอยู่อย่างหวาดกลัว กระทบต่อการดำเนินชีวิต ทั้งที่การที่ชาวบ้านที่คัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเดินเท้าไปก็ประสงค์จะยื่นหนังสือและอธิบายต่อนายกฯ โดยตรงถึงเหตุของการคัดค้านเท่านั้น จึงไม่เป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักเพียงพอที่นายกฯจะใช้อำนาจตามมาตรา 15 พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรออกประกาศทั้ง 4 ฉบับดังกล่าว การออกประกาศจึงเป็นการใช้อำนาจที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงและขัดต่อรัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้ง
" การเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องรับทั้งดีทั้งชอบ ซึ่งในระบอบประชาธิปไตยทั่วโลกเขาก็เป็นอย่างนี้ และนายกฯ เรียกร้องให้ทุกคนเคารพกฎหมาย แต่ท่านกลับไม่เคารพกฎหมายเสียเอง แล้วจะมาสอนประชาชนให้เคารพกฎหมายได้อย่างไร และแม้ว่ารัฐบาลจะไม่ได้มีทีท่าสนใจในเรื่องการละเมิดสิทธิ แต่ถ้า กสม.ตรวจสอบและมีข้อสรุปที่เป็นไปในทางประจานรัฐบาล ก็จะทำให้ทั่วโลกรับรู้ เราไม่อาจปิดประเทศอยู่คนเดียวได้ ถ้าถูกต่างประเทศตำหนิเรื่องการละเมิดสิทธิ หรือใช้มาตรการในการบอยคอตต่างๆ ก็จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการดำเนินนโยบายของรัฐบาลในอนาคตด้วย"นายศรีสุวรรณ กล่าว
ต่อมา นายศรีสุวรรณ ได้เดินทางไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ตรวจสอบนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา และพล.ท.สรรเสริญ กรณีการสลายขบวนเดินเท้าของชาวบ้านเข้าข่ายดำเนินการไม่ชอบด้วยกฎหมายทุจริตต่อหน้าที่ราชการ โดยเฉพาะกับพล.อ.ประวิตร การที่ออกมาระบุว่าแกนนำ ซึ่งก็มีเยาวชนด้วยหนึ่งคน เป็นพวกฮาร์ดคอร์ชอบรุนแรง การพูดลักษณะนี้เท่ากับการให้ท้ายยุยงส่งเสริมเจ้าหน้าที่ให้ใช้ความรุนแรงกับประชาชน