'คิงเพาเวอร์'ขอคุ้มครองชั่วคราว รุกฟ้องแพ่งสื่อดัง800ล.
'คิง เพาเวอร์' รุกฟ้องแพ่งสื่อ 'ฐานเศรษฐกิจ' ละเมิดหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหายกว่า 800 ล้าน พร้อมขอคุ้มครองชั่วคราว ศาลแพ่ง กท.ใต้ นัดไต่สวน 5 มี.ค.ปีหน้า
ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง 63 เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2560 บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด , บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด และ บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด มอบอำนาจให้ นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายบากบั่น บุญเลิศ, บริษัท ฐานเศรษฐกิจ จำกัด, บริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย จำกัด และนายชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ เป็นจำเลยที่ 1-4 เรื่องละเมิด ขอให้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวนทุนทรัพย์ 801,995,149.40 บาท
โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันเสนอข่าวฝ่าฝืนความเป็นจริงทำนองว่า โจทก์ที่ 1 ทำผิดกฎหมายโดยลูกค้ามาซื้อสินค้าที่ คิง เพาเวอร์ ซอยรางน้ำ ย่านพญาไท แล้วเดินทางออกนอกประเทศไทย ขากลับมารับสินค้าที่สนามบินโดยไม่ต้องเสียภาษี โจทก์ที่ 2,3 หลีกเลี่ยงปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ กระทำผิดกฎหมาย และโจทก์ที่ 2 ไม่ติดตั้งระบบบันทึกข้อมูลการซื้อขายสินค้าปลอดอากร (POS) เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี จึงร่ำรวยเพราะทำผิดกฎหมาย ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำสั่งรับฟ้องในคดีที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ เป็นโจทก์ฟ้อง ผู้บริหาร ทอท. และโจทก์ที่ 1, ที่ 3 ว่าจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนไม่ครบจ่ายเพียงร้อยละ 3 ของรายได้ ทั้งที่ต้องจ่ายร้อยละ 15 ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ 1.4 หมื่นล้านบาท ทั้งที่คดีดังกล่าวศาลเพียงแต่มีคำสั่งรับคำฟ้องเพื่อทำการไต่สวนมูลฟ้องศาลยังไม่ได้ประทับรับฟ้อง ดังนั้นผู้ที่ถูกฟ้องทุกคนยังไม่ตกอยู่ในฐานะจำเลย การกระทำของจำเลยทั้งสี่ในคดีนี้ จึงทำให้ประชาชนเข้าใจว่า คดีในศาลอาญาทุจริตฯ ทุกคนตกเป็นจำเลยแล้ว
การที่จำเลยทั้งสี่ยังได้เสนอข่าวเกี่ยวกับผู้บริหารงานของโจทก์ทั้งสามมีผลประโยชน์ทับซ้อนซึ่งหลายกรณีทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง ภาพลักษณ์ ธุรกิจการค้า ดังนั้นโจทก์ทั้งสาม จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาด้วยโดยให้สั่งห้ามจำเลยทั้งสี่เสนอข่าวเกี่ยวกับโจทก์ทั้งสามในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ และใน www.thansettakij.com
ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ รับสำนวนฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ พ.2332/2560 และนัดไต่สวนคุ้มครองชั่วคราว ในวันที่ 5 มี.ค.2561 เวลา 09.00 น.