สนช.ปล่อย 5 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอยู่ยาวจนเปิดประชุมสภาฯ นัดแรก
สนช.ปล่อย 5 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอยู่ยาวจนเปิดประชุมสภาฯ นัดแรก
ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) โดยนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมนั้น นายสุรชัยได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า พล.อ.ชาญชัย ช้างมงคล อดีตสมาชิกสนช. ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกสนช.ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย. ทำให้ขณะนี้เหลือจำนวนสนช.ทั้งสิ้น 248 คน
จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.... ที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ เป็นประธานกรรมาธิการฯ ทั้งนี้บรรยากาศในการประชุมมีประเด็นที่สนช.ให้ความสนใจอภิปราย ได้แก่ มาตรา 69/1 ว่าด้วยการกำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญมีมาตรการหรือวิธีการใดๆ เป็นการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัยและออกคำสั่งไปยังหน่วยงานของรัฐ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การแก้ไขเยียวยาในภายหลัง หรือเพื่อป้องกันความรุนแรงอันใกล้จะถึง ซึ่งกรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อยและสมาชิกสนช.ไม่เห็นด้วย โดยเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญต้องเป็นกลาง หากออกมาตรการชั่วคราวและเกิดความเสียหาย หรือขัดแย้งผลคำวินิจฉัยที่จะออกมาภายหลังจะกลายเป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ อีกทั้งปัจจุบันมีหน่วยงานเข้ามาดำเนินการป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างร้ายแรง เช่น ตำรวจ รวมถึงมีกฎหมายที่จะเข้ามาควบคุมคือ พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะแล้ว
นายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมาธิการฯ กล่าวว่า เนื้อหาที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจออกมาตรการชั่วคราวถือเป็นกลไกปกติในประเทศที่มีศาลรัฐธรรมนูญ เช่น เยอรมัน และออสเตรีย เป็นต้น หากไม่มีมาตรการดังกล่าวแม้จะชนะคดีก็อาจแพ้ในทางปฏิบัติ เพราะความเสียหายและผลกระทบเกิดขึ้นไปก่อนแล้ว รวมทั้งในมาตรการดังกล่าวยังกำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจตรวจสอบมาตรการดังกล่าวด้วย
สำหรับมาตรา 71/1 ว่าด้วยหลักการภายใต้บังคับแห่งรัฐธรรมนูญ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหากมีความจำเป็นจะต้องบังคับให้เป็นไปตามคำวินิจฉัย ให้ศาลมีอำนาจกำหนดคำบังคับให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลเอาไว้ในคำวินิจฉัยนั้น โดยศาลอาจกำหนดให้มีผลในอนาคตขณะใดขณะหนึ่งหลังวันอ่านคำวินิจฉัย ตามความจำเป็นหรือสมควรตามความเป็นธรรมแห่งกรณีนั้น ที่ประชุมมีการทักท้วงว่า การกำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรเข้ามามีส่วนตรวจสอบคำบังคับให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอาจขัดรัฐธรรมนูญได้ ทำให้ถกเถียงกันมากและไม่สามารถหาข้อยุติได้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ซึ่งทำหน้าที่ประธานในการประชุมขณะนั้น ได้สั่งพักการประชุมเพื่อให้กรรมาธิการฯ และสมาชิกสนช.ไปตกลงกัน
ภายหลังการหารือนานเกือบ 1 ชั่วโมงนั้น นายสมคิดได้ชี้แจงว่า คำบังคับของศาลรัฐธรรมนูญว่าต้องให้สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบหรือไม่นั้น กรรมาธิการฯ เสียงข้างมากหารือแล้วให้ตัดเนื้อหามาตรา 69/1 วรรคสามและวรรคสี่ และมาตรา 71/1 วรรคสองและวรรคสาม โดยไม่ให้สภาผู้แทนราษฎรเข้ามาตรวจสอบข้อกำหนดและมาตรการชั่วคราวของศาลรัฐธรรมนูญ
จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาบทเฉพาะกาล ในมาตรา 76 ว่าด้วยเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยนายสมคิดกล่าวว่า กรรมาธิการฯ เสียงส่วนใหญ่เห็นว่า ตุลาการ 4 คนควรจะอยู่จนครบวาระ ไม่ควรนำคุณสมบัติของรัฐธรรมนูญปี 60 มาใช้ ขณะที่ตุลาการ 5 คนที่พ้นตำแหน่งแล้ว แต่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)นั้น ได้กำหนดให้มีการสรรหาใหม่ อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อยเห็นว่า เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องขอให้ตุลาการที่พ้นตำแหน่ง 5 คนอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะสรรหาคนใหม่ แต่ไม่ประสงค์ให้อยู่ยาวเนื่องจากพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ขณะที่สมาชิกสนช.ที่ขอแปรญัตติไว้ อาทิ นายธานี อ่อนละเอียด และนายสมชาย แสวงการ ระบุว่า ควรให้ตุลาการ 5 คนที่อยู่ตามคำสั่งคสช.นั้นอยู่ปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรก เพื่อให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรและผู้นำฝ่ายค้านร่วมสรรหาด้วยเพื่อความสง่างาม
นายสมคิด กล่าวอีกว่า ส่วนมาตรา 77 กรรมาธิการฯ เสียงข้างมากได้เขียนระยะเวลาการสรรหาตุลาการใหม่ 5 คน กำหนด 200 วัน ซึ่งกระบวนการทั้งหมดใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี ใกล้เคียงกับระยะเวลาการเลือกตั้งใหม่ แต่หลังจากที่ฟังการอภิปรายของสมาชิกที่ต้องการให้ตุลาการทั้ง 5 คนอยู่ต่อไปจนถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกนั้น กรรมาธิการฯ ก็เห็นด้วย
ขณะที่นายสุพจน์ ไข่มุกด์ กรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อย กล่าวว่า การให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญปฏิบัติหน้าที่ไปจนถึงการประชุมรัฐสภานั้นจะเกิดความสง่างาม เพราะมีประธานสภาฯ และผู้นำฝ่ายค้าน แต่ความสง่างามจะเกิดขึ้นได้อย่างไรในเมื่อปัจจุบันตุลาการ 5 ท่านที่หมดวาระไปแล้วปฏิบัติหน้าที่ต่อไปภายใต้คำสั่งคสช.ฉบับที่ 24/2560 แล้วจะพูดเรื่องสง่างามได้อย่างไร ควรเปิดให้มีการสรรหาใหม่เพื่อจะได้เป็นเหล้าใหม่ในขวดใหม่ หากปล่อยให้ไม่มีที่สิ้นสุดนั้นจะสง่างามได้อย่างไร และปัจจุบันทั้ง 5 คนปฏิบัติหน้าที่ครบ 9 ปีแล้ว จะให้ปฏิบัติหน้าที่จนถึงปีที่ 11 ปีที่ 12 ปีที่ 13 ต่อไปอีกนั้นความสง่างามจะไม่เกิดขึ้น
จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติในวาระ 2 เรียงรายมาตรา และลงมติในวาระ 3 ด้วยคะแนนเห็นชอบ 188 เสียง ไม่เห็นชอบไม่มี และงดออกเสียง 5 เสียง โดยขั้นตอนหลังจากนี้สนช.จะส่งให้องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องคือ ศาลรัฐธรรมนูญ และกรธ.เพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป.