20 อุยกูร์แหกห้องกัก ตม.สงขลา สะท้อนปัญหาต่างประเทศโยงความมั่นคง
ตั้งแต่ต้นสัปดาห์มีข่าวไม่ใหญ่หนักเกี่ยวกับมุสลิมอุยกูร์แหกห้องกักของ ตม. หรือสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จ.สงขลา แต่เรื่องนี้สะท้อนปัญหาทางความมั่นคงหลายประการ ซึ่งทางการไทยยังไม่สามารถคลี่คลายได้
ผู้ต้องกักชาวอุยกูร์เพศชายจำนวน 20 คน จาก 25 คน ได้หลบหนีออกจากห้องกักของ ตม.สะเดา ตั้งอยู่ที่ ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อเวลาตี 2 ของวันจันทร์ที่ 20 พ.ย.60
รายชื่อผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ที่หลบหนี เท่าที่รวบรวมได้ประกอบด้วย นายอับดุลเลาะห์มาน อายุ 34 ปี นายมูฮัมหมัด อายุ 31 ปี นายอับดุลเลาะห์ อายุ 31 ปี นายอับดุล คายุม อายุ 28 ปี นายอับดุล กาเด็ท อายุ 39 ปี นายฮัมซา มูฮัมหมัด อายุ 28 ปี นายมูฮัมหมัด อับดุลลา อายุ 22 ปี นายมูฮัมหมัด อายุ 28 ปี นายอัดซัน อิหม่าน อายุ 31 ปี นายออสมาน นาซีร์ อายุ 45 ปี นายมูฮัมหมัด ราจิต อายุ 53 ปี นายสุไลมาน มาร์บุท อายุ 28 ปี นายซากี ฮามิต อายุ 35 ปี นายอาลี อาฮาหมัด อายุ 26 ปี นายอับดุลศอมัต อายุ 25 ปี นายอับดุลเลาะห์ อายุ 23 ปี นายอุมัร อายุ 24 ปี นายยาซีน อายุ 34 ปี นายมุสตาฟา อายุ 24 ปี และ นายอับดุลละ อายุ 28 ปี
วิธีการหลบหนีของชาวอุยกูร์ ใช้การเจาะกำแพงห้องน้ำ แล้วใช้เชือกกับเสื้อผ้าผูกโรยตัวลงมาจากห้องกัก ซึ่งอยู่สูงจากพื้นประมาณ 3 เมตร
การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า มุสลิมอุยกูร์ที่หลบหนี น่าจะเตรียมการมาก่อนหลายวัน จึงสามารถเจาะผนังกำแพงเป็นรูขนาดใหญ่พอที่ตัวคนลอดออกมาได้ จากนั้นใช้ผ้าและเสื้อผูกต่อกันเสมือนเป็นเชือกขนาดยาว โรยตัวจากช่องที่เจาะเพื่อหลบหนี โดยในห้องกักมีมุสลิมอุยกูร์ทั้งหมด 25 คน แต่สามารถหลบหนีออกมาได้ 20 คน
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ ตม.ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) และทหาร เพื่อออกติดตามล่าตัว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่คาดว่าอาจจะซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ป่าละแวกใกล้เคียง
สำหรับชาวมุสลิมอุยกูร์ที่หลบหนีไปนั้น ตรวจสอบแล้วทราบว่าเป็นกลุ่มเดียวกับชาวมุสลิมอุยกูร์ที่ถูกควบคุมตัวได้ตั้งแต่ช่วงปี 2557 จากพื้นที่สวนยางพารา เขตรอยต่อระหว่าง ต.กำแพงเพชร อ.รัตภูมิ กับ ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และอีกจุดหนึ่งในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา รวมทั้งหมด 295 คน
นายอิสมาแอน หมัดอะด้ำ ประธานกรรมาธิการฝ่ายในประเทศ สภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี กล่าวกับ "ทีมข่าวอิศรา" ถึงการหลบหนีของชาวมุสลิมอุยกูร์ว่า น่าจะเป็นไปตามสัญชาตญาณของมนุษย์ตามปกติที่ทำให้พวกเขาหลบหนีออกมาจากห้องกัก ตม. เพราะคนเหล่านี้ถูกควบคุมตัวมา 3 ปีกว่าแล้ว พวกเขาเป็นกลุ่มเดียวกับที่ถูกทางการไทยควบคุมตัวได้กลุ่มใหญ่เมื่อปี 2557 ส่วนหนึ่งเป็นเด็กและสตรี ถูกส่งตัวไปยังประเทศตุรกี และมีอีกกลุ่มที่เป็นชายล้วน ถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศจีน แต่หลังจากนั้นรัฐบาลไทยก็ไม่สามารถส่งชาวมุสลิมอุยกูร์ที่เหลือให้กับประเทศใดประเทศหนึ่งได้อีก พวกเขาต้องตกค้างอยู่ภายใต้การควบคุของทางการไทยจนถึงทุกวันนี้
"ยอมรับว่าเรื่องสถานที่ควบคุม และการดูแลชาวมุสลิมกลุ่มนี้ ทางเจ้าหน้าที่ ตม.ดูแลเป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของอาคารกักกันที่ไม่แออัด การดูแลรักษายามเจ็บป่วย ส่วนเรื่องอาหารการกินที่เป็นฮาลาล ทางเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมฯ เป็นผู้ดูแลให้ ซึ่งภาพรวมแล้วดีมาก จึงไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาหลบหนี" นายอิสมาแอน ระบุ
สำหรับปัญหาเรื่องมุสลิมอุยกูร์หรือมุสลิมไร้สัญชาติที่อยู่ภายใต้การควบคุมของทางการไทย ยังคงเป็นปัญหาต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2557 เพราะที่ผ่านมาแม้จะมีการแจ้งความจำนงจากทั้งรัฐบาลตุรกีและรัฐบาลจีน เพื่อขอรับตัวชาวมุสลิมอุยกูร์ทั้งหมดไปยังประเทศของตน และมีการพิสูจน์สัญชาติอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่สามารถหาข้อยุติได้ เพราะหากส่งไปตุรกี ก็ถูกจีนคัดค้าน หากส่งกลับจีน ก็จะถูกตุรกีคัดค้าน และองค์กรพัฒนาเอกชน หรือ เอ็นจีโอ ตลอดจนนักสิทธิมนุษยชนออกมาเคลื่อนไหว เพราะมีการนำไปโยงกับการจัดการมุสลิมอุยกูร์หัวรุนแรงของรัฐบาลจีน ซึ่งทางการจีนเชื่อว่าอุยกูร์หัวรุนแรงเป็นเครือข่ายก่อการร้าย
ที่ผ่านมาทางการไทยเคยส่งชาวมุสลิมอุยกูร์ที่เป็นเด็กและสตรีไปยังประเทศตุรกี จำนวน 170 คน และอีกส่วนที่เป็นชายจำนวน 90 คนถูกส่งกลับไปยังประเทศจีน จนเกิดปัญหาสร้างความไม่พอใจให้กับมุสลิมในประเทศตุรกี กระทั่งมีการก่อเหตุบุกเข้าทำลายสำนักงานสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอังการา ประเทศตุรกี จนได้รับความเสียหาย
นอกจากนั้น เหตุระเบิดครั้งรุนแรงที่ศาลท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ กลางกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 17 ส.ค.58 และต่อมามีการจับผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นชาวมุสลิมอุยกูร์ได้ ยังถูกมองว่าอาจเกี่ยวข้องเป็นการแก้แค้นรัฐบาลไทยที่ส่งชาวอุยกูร์กลับไปประเทศจีนด้วย
จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลไทยในฐานะคนกลางยังไม่สามารถดำเนินการส่งมุสลิมอุยกูร์หรือมุสลิมไร้สัญชาติที่เหลืออยู่ในความควบคุมให้กับประเทศใดได้ ต้องรอการหาข้อสรุปในเรื่องสัญชาติให้ชัดเจน
สำหรับการดำเนินการของฝ่ายตำรวจหลังชาวอุยกูร์หลบหนีออกจากห้องกัก ตม. ทางกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 6 (ตม.6) จ.สงขลา ได้มีคำสังย้ายผู้กำกับการ ตม.สงขลา รองผู้กำกับการฯ สารวัตร ตม.สงขลา พร้อมพวกรวม 6 นาย ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 6 อย่างไม่มีกำหนด พร้อมตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงว่าปล่อยปละละเลยให้เกิดการหลบหนีหรือไม่
ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) บอกว่า ชาวอุยกูร์กลุ่มนี้รู้เส้นทางหลบหนีดี เพราะการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย มีนายหน้านำพามา ฉะนั้นเรื่องการหลบหนี ตำรวจจึงต้องสืบสวนขยายผลว่ามีนายหน้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับชาวอุยกูร์ที่ถูกจับกุมในคดีระเบิดศาลท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ ด้วยหรือไม่นั้น จากการสืบสวนจนถึงขณะนี้ยังไม่พบความเชื่อมโยง
อย่างไรก็ตามยอมรับว่ามีอุปสรรคเล็กน้อยเรื่องการสื่อภาษา แต่ก็ให้สืบสวนขยายผลแล้วว่าเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร เรื่องนี้มองทุกมิติ ต้องการรู้เกี่ยวกับการหลบหนีของคนร้ายด้วย
ถ้อยแถลงบางตอนของ ผบ.ตร.สะท้อนชัดว่าการหลบหนีของชาวอุยกูร์ 20 คนล่าสุด มีความอ่อนไหวทางความมั่นคงไม่น้อยเลย...
"ทางการจีนและบางประเทศสอบถามผ่านมายังผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แสดงความเป็นห่วงเรื่องความแข็งแรงของห้องกัก ผมก็ได้ชี้แจงไปว่าห้องกักในพื้นที่อื่นๆ ก็แข็งแรงดี เขากลัวว่ามีจะมีลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นอีก แต่ก็ได้ยืนยันไปแล้วว่าไม่มีปัญหา" เป็นข้อมูลที่เปิดเผยจากปาก ผบ.ตร.
จะเห็นได้ว่า ประเด็นอุยกูร์ยังคงเป็นหนามยอกอกรัฐบาลไทย และมีความอ่อนไหวกับนโยบายด้านการต่างประเทศที่เชื่อมโยงกับความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยภายในอย่างชัดเจน
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : ภาพถ่ายมุสลิมอุยกูร์บางส่วนที่แหกห้องกัก ตม.สะเดา
อ่านประกอบ :
3 เส้นทาง "มุสลิมอุยกูร์" จากจีนลอบเข้าไทย
ไทยส่งตัว 170 อุยกูร์ให้ตุรกี!
ข้อมูล (บึ้มกรุง) นอกคำแถลงรัฐบาล...โปรดใช้วิจารณญาณในการเชื่อ