บุญทรง-4โรงสีอ่วม! อสส.ยื่นอุทธรณ์เพิ่มโทษคดีจีทูจีเก๊
โฆษกอัยการเผยคดีจำนำข้าว เสนอ อสส. ร้องศาลฎีกาฯไต่สวนลับหลัง 'หมอโด่ง อดีตเลขาฯ รมว.พาณิชย์-เอกชนอีกราย' คดีจีทูจีเก๊ ส่วนตามตัวยังเงียบหลังศาลออกหมายจับปี 58 ขณะที่ 'กิตินันท์' อธ.คดีสอบสวน ระบุ อัยการอุทธรณ์ขอให้ลงโทษเพิ่ม 'บุญทรง-4โรงสี' แล้ว
เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2560 นายวันชาติ สันติกุญชร อธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงการยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้พิจารณาคดีต่างๆในศาลต่อไปแม้ไม่มีตัวจำเลยเพราะหลบหนีหลังจากถูกออกหมายจับว่า ล่าสุด ที่ตรวจสอบในส่วนของคดีที่อสส. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง กลุ่มนักการเมือง, ข้าราชการ และเอกชนรวม 27 ราย ร่วมทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) นั้น มีจำเลยที่หลบหนีระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาฯ 2 คน คือ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการฯ รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 3 และนายสุธี เชื่อมไธสง จำเลยที่ 16 ซึ่งขณะนี้ทราบจากคณะทำงานอัยการที่รับผิดชอบคดีระบายข้าวจีทูจี ทราบว่า กำลังดำเนินการที่จะเสนอ อสส. ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯด้วยเช่นกัน ซึ่งอัยการได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์กฎหมายใหม่ คือ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 28 เช่นเดียวกับคดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ขณะที่นายกิตินันท์ ธัชประมุข อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน หนึ่งในคณะทำงานอัยการรับผิดชอบคดีจำนำข้าวและระบายข้าวรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาอุทธรณ์คดีระบายข้าวจีทูจีว่า หลังจากที่คณะทำงานอัยการเสนอความเห็นทางคดีการทุจริตระบายข้าวจีทูจี ต่อนายเข็มชัย ชุติวงศ์ อสส.แล้วเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่ง อสส.เห็นชอบการยื่นอุทธรณ์คดีดังกล่าว คณะทำงานอัยการจึงได้ยื่นคำอุทธรณ์คดีทุจริตระบายข้าวจีทูจีต่อศาลฎีกาฯแล้ว หลังจากนี้ศาลจะดำเนินการส่งคำอุทธรณ์ให้จำเลยทำคำแก้อุทธรณ์ต่อไป
ทั้งนี้ อัยการได้ยื่นอุทธรณ์คดีในส่วนของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 2 (ศาลฎีกาฯจำคุก 42 ปี) ซึ่งอัยการเห็นว่า การกระทำของนายบุญทรง ยังมีความผิดที่มีส่วนร่วมอนุมัติแก้ไขสัญญาระบายข้าวฉบับที่ 1 ที่มีการแก้ไขสาระสำคัญหลายครั้งแม้ว่าสัญญาระบายข้าวจะเริ่มมาก่อนที่นายบุญทรง จะเข้ารับตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ จึงให้ศาลพิพากษาลงโทษเพิ่มเติมในส่วนนี้ด้วยจากโทษที่ได้ตัดสินไว้แล้ว รวมทั้งยื่นอุทธรณ์ส่วนของ น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง กับ น.ส.เรืองวัน เลิศศลารักษ์จำเลยที่ 11-12 (จำคุก 16 ปี) ผู้บริหารบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ซึ่งอัยการเห็นว่า ที่ศาลฎีกาฯ ลงโทษไว้นั้นเบาเกินไปไปเนื่องจากอัตราโทษเท่ากับกลุ่มจำเลยที่นำส่งเอกสารการขึ้นแคชเชียร์ โดยเจตนาในการกระทำของจำเลยทั้งสองชัดเจนกว่าที่ได้ร่วมกระทำผิดสั่งดำเนินการ และอุทธรณ์อีกกลุ่ม คือเอกชนที่เป็นโรงสีข้าว จำเลยที่ 22-28 (ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงสีกิจทวียโสธร โดยนายทวี อาจสมรรถ หุ้นส่วนผู้จัดการ, นายทวี อาจสมรรถ, บริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัดโดยนายทวี อาจสมรรถ กรรมการ, บริษัท เค.เอ็ม.ซี. อินเตอร์ไรซ์ (2002) จำกัด โดยนายปกรณ์ ลีศิริกุล กรรมการ, นายปกรณ์ ลีศิริกุล, บริษัท เจียเม้ง จำกัด โดยนางประพิศ มานะธัญญา กรรมการ และนางประพิศ มานะธัญญา ซึ่งศาลได้พิพากษายกฟ้องไป
นายกิตินันท์ กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ อัยการยังได้ยื่นอุทธรณ์ในส่วนของอำนาจเรียกร้องสิทธิค่าเสียหายจากจำเลยในฟ้องคดีอาญานี้ ซึ่งศาลได้ยกฟ้องในส่วนของกระทรวงพาณิชย์, กรมการค้าต่างประเทศ, องค์การคลังสินค้า (อคส.), องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ด้วย โดยก่อนหน้านี้ ศาลพิพากษาให้เฉพาะกระทรวงการคลังเท่านั้นที่มีอำนาจยื่นคำร้อง
ส่วนนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว จำเลยที่ 1 (จำคุก 36 ปี), นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จำเลยที่ 4 (จำคุก 40 ปี), นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตผอ.การสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ และอดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จำเลยที่ 5 (จำคุก32 ปี), นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีตเลขานุการฯกรมการค้าต่างประเทศ และอดีตผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ จำเลยที่ 6 (จำคุก 24 ปี) , นายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร จำเลยที่ 14 (จำคุก 48 ปี) และน.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร จำเลยที่ 21 บุตรสาวเสี่ยเปี๋ยง (จำคุก 4 ปี) รวมทั้งกลุ่มเอกชนที่ศาลมีคำพิพากษาลงโทษแล้วนั้น อัยการพิจารณาแล้วไม่อุทธรณ์ เนื่องจากเห็นว่าศาลกำหนดโทษตามพฤติการณ์และกฎหมายแล้ว
นายกิตินันท์ กล่าวอีกว่า นอกจากการยื่นอุทธรณ์คดีแล้ว ขณะนี้คณะทำงานอัยการ ก็กำลังเตรียมทำคำแก้อุทธรณ์ที่นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ จำเลยที่ 1, นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 2 และนายนิมล หรือโจ รักดี จำเลยที่ 15(ลูกน้องคนสนิทของนายอภิชาตหรือเสี่ยเปี๋ยง) ได้ยื่นอุทธรณ์สู้คดีต่อศาลไว้ ส่วนของจำเลยอื่นๆ นั้นอัยการยังไม่ได้รับสำเนาคำอุทธรณ์จากศาลฎีกาฯ จึงยังไม่แน่ชัดว่าจำเลยคนใดบ้างที่ยื่นอุทธรณ์สู้คดีอีกหรือไม่
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฯ ฉบับใหม่บังคับใช้แล้วให้พิจารณาคดีลับหลังจำเลยที่หลบหนีคดีได้ คณะทำงานอัยการรับผิดชอบคดีระบายข้าวก็ได้เสนอเรื่องต่ออสส. พิจารณายื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ ให้นำคดีในส่วนของ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 3 และนายสุธี เชื่อมไธสง จำเลยที่ 16 ซึ่งหลบหนีระหว่างการพิจารณา มาพิจารณาต่อไป โดยต้องรอให้อสส.มีความเห็นลงมาก่อน หากเห็นชอบ คณะทำงานจะได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ ในส่วนนี้โดยไม่ชักช้าต่อไป ซึ่งทางคดีก็มีพยานหลักฐานพร้อมดำเนินการได้ทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการติดตามตัว พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 3 และนายสุธี เชื่อมไธสง จำเลยที่ 16 คดีทุจริตระบายข้าวจีทูจี นั้น หลังจากศาลฎีกาฯ มีคำสั่งออกหมายจับแล้วเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.58 ในนัดพิจารณาคดีครั้งแรกแล้ว และมีการนำหมายจับส่งให้ สตช.แล้ว ปัจจุบัน ยังไม่คืบหน้าเกี่ยวกับการจับกุมตัวจำเลยทั้งสองแต่อย่างใด