แนะกู้เงินอย่างเป็นธรรม ชี้คนไทยแค่4% สามารถกู้เงินซื้อบ้าน
อดีตรมว.คลัง แนะกู้เงินอย่างเป็นธรรม ชี้คนไทยแค่4% สามารถกู้เงินเพื่อซื้อบ้านได้
'นายกรณ์ จาติกวณิช' อดีตรมว.คลัง ได้โพสต์เฟซบุ๊ค ระบุว่า การกู้เงินอย่างเป็นธรรม ทางสิงคโปร์เชิญผมมาพูดเรื่อง 'การเข้าถึงบริการทางการเงิน' (financial inclusion) งานเขาจัดได้ดีตามสไตล์สิงคโปร์ คณะจากไทยเรามีโอกาสได้พบกับเจ้าของความคิดและกิจการที่น่าสนใจจากทั่วโลก ประเด็นเรื่อง 'การเข้าถึง' ยังมีความสำคัญกับไทยเรามาก ดูผิวเผินเหมือนคนไทยเราไม่มีปัญหาเรื่องนี้ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ที่มีบัญชีเงินฝากกันแล้ว และครัวเรือนไทยก็มีหนี้รวมอยู่เท่ากับ 80+% เทียบกับ GDP ของประเทศ แสดงให้เห็นว่าเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้อย่างกว้างขวาง
แต่ระดับการเข้าถึงต่างกันมากระหว่างคนรวยและคนจน หนี้ครัวเรือนที่ว่านั้น เกินครึ่งเป็นของครอบครัวรวยสุดเพียง 10% และคนไทยเพียงแค่ 4% เท่านั้นที่สามารถกู้เงินเพื่อซื้อบ้านได้ส่วนอัตราดอกเบี้ยไม่ต้องพูดถึง ผู้ประกอบการขนาดเล็ก ถึงแม้กู้ได้ก็ต้องเสียดอกเบี้ยมากกว่าบริษัทใหญ่ๆกว่าสองเท่า และโดยรวมส่วนต่างระหว่างดอกเงินฝากกับดอกเงินกู้ของไทยยังติดอันดับสูงสุดแนวต้นๆในเอเชีย
หนึ่งในปัญหาของ SME รวมไปถึงผู้มีรายได้น้อย(โดยเฉพาะที่ไม่มีเงินเดือนประจำ) คือไม่มีหลักประกันที่จะใช้ในการกู้ยืม สิ่งที่ fintech ทำได้คือการวิเคราะห์ข้อมูลจาก 'พฤติกรรม' ของเราว่า วันๆทำอะไร เที่ยวไหน คุยกับใคร กินข้าวนอกบ้านบ้างหรือเปล่า กินร้านไหน ฯลฯ จากข้อมูลเหล่านี้ นักวิเคราะห์สามารถประเมินได้ว่าเรามีความเสี่ยงในฐานะลูกหนี้มากน้อยอย่างไร ข้อมูลที่ดีขึ้นจะทำให้กู้ได้ตามสถานะทางการเงินที่แท้จริงของแต่ละคน
ที่สำคัญคือหากมีข้อมูลแล้วสถาบันการเงินยังเมินที่จะให้บริการเรา ฝ่ายนโยบายต้องเปิดพื้นที่ให้คนอื่นเข้ามาแข่งขันเพิ่มเติม