สหรัฐฯยังไม่ชัด!เมียนมาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โรฮิงญา
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ สวนกระแสยูเอ็น เผยสหรัฐฯยังต้องการข้อมูลมากกว่านี้ก่อนจะพิจารณาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา หลังเข้าหารือกับผู้นำเมียนมา
วันที่ 16 พ.ย. 2560 นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ แถลงระหว่างการเยือนเมียนมาเมื่อวานนี้ (15 พ.ย.) ว่า ยังต้องการรับรู้ข้อมูลมากกว่านี้ก่อนที่สหรัฐจะตัดสินใจเห็นด้วยกับสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ว่า วิกฤตโรฮิงญาในเมียนมาเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยระหว่างแถลงข่าวร่วมกับนางอองซาน ซู จี ผู้นำเมียนมาเมื่อวานนี้ (15 พ.ย.)
โดยนายทิลเลอร์สันเรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างอิสระเกี่ยวกับสถานการณ์ในรัฐยะไข่ ซึ่งเปิดเผยว่า สหรัฐมีความวิตกกังวลอย่างมากต่อรายงานที่ว่ามีการเข่นฆ่าป่าเถื่อนแพร่หลายต่อชาวมุสลิมโรฮิงญา โดยกองทัพเมียนมาสหรัฐรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในรัฐยะไข่ มีการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ แต่ต้องพิจารณาว่าเข้าเกณฑ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือไม่ ซึ่งต้องมีการพิจารณาด้วยสหรัฐเอง
อย่างไรก็ตาม มีผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญามากกว่า 615,000 คน หลบหนีความรุนแรงออกจากเมียนมาข้ามพรมแดนไปยังบังกลาเทศตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมาจากข้อมูลของหน่วยงานบรรเทาทุกข์ อย่างไรก็ตามนายทิลเลอร์สันยืนกรานว่าการใช้มาตรการคว่ำบาตรอย่างเช่นมีบางชาติเรียกร้องให้สหรัฐดำเนินการก็ไม่ใช้คำตอบในการแก้ปัญหานี้
ขณะที่ระหว่างการเยือนกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของเมียนมา ซึ่งเป็นการเยือนครั้งแรก รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐให้คำมั่นว่าจะเพิ่มความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยโรฮิงญาเป็นเงิน 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,600 ล้านบาท รวมเป็นเงินที่สหรัฐช่วยทั้งสิ้น 87 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 3,000 ล้านบาทตั้งแต่เดือนส.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ คณะผู้แทนของยูเอ็นและสหภาพยุโรป (อียู) ระบุว่า สถานการณ์ในรัฐยะไข่เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ของอังกฤษก็เห็นด้วยในสัปดาห์นี้ แต่นายทิลเลอร์สันเปิดเผยว่า สหรัฐจำเป็นต้องมีข้อมูลมากกว่านี้ก่อนที่จะใช้คำๆนี้ แต่ก็เรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมาปกป้องสิทธิมนุษยชนและสอบสวนอย่างน่าเชื่อถือต่อรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวโรฮิงญาของทหารเมียนมา