ไล่ออก 'ดิสธร วัชโรทัย' ชี้ประพฤติชั่วร้ายแรง
สำนักพระราชวัง สั่งไล่ออก นายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง กรณีสั่งออกเอกสารรับรองบุคคลภายนอกบริจาค 25 ล้านบาท และเสนอขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทั้งที่เป็นส่วนลดซื้อสินค้า แอบอ้างพระปรมาภิไธย เลี่ยงภาษีรถยนต์ รวมทั้งชู้สาวกับหญิงอื่นบังคับให้ทำแท้งถึงสองครั้ง ก่อนบังคับแต่งงานกับชายอื่น และใช้ดินขุดทิ้งสร้างรัฐสภาใหม่ผิดวัตถุประสงค์ นำไปขายและถมที่ดินตนเอง
วันที่ 8 พ.ย. 2560 หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์รายงานข่าวหน้าหนึ่งระบุว่า “ไล่ออก ‘ดิสธร’ พ้นวัง ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายพลเรือนประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง” รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2560 นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการพระราชวัง ได้ลงนามในคำสั่ง สำนักพระราชวัง ที่ 568/2560 เรื่อง ลงโทษไล่ข้าราชการออกจากราชการ ระบุว่า ด้วยนายดิสธร วัชโรทัย ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายพลเรือน ตำแหน่งประจำสำนักพระราชวังพิเศษ เลขที่ตำแหน่ง 650 สังกัดราชการบริหารส่วนกลาง อัตราเงินเดือน 76,800 บาท ได้กระทำผิดวินัย ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โดยมีกรณีความผิดกล่าวคือ นายดิสธร ซึ่งได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ฯ อีกหน้าที่หนึ่ง ได้ใช้อำนาจของตน สั่งการให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ฯ แสดงเอกสารรับรองว่าบุคคลภายนอกได้บริจาคเงินให้แก่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ฯ เป็นจำนวนเงินยี่สิบห้า (25) ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าตามปกติ โดยไม่ได้มีการบริจาคเงินจำนวนดังกล่าวจริงแต่อย่างใด และนายดิสธร ได้นำเอกสารรับรองการบริจาคดังกล่าว เสนอต่อกรมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นทุติยดิเรกคุณาภรณ์ ให้แก่บุคคลภายนอก อันเป็นการฉ้อโกงเครื่องราชอิสริยาภรณ์
และนายดิสธร ในฐานะรองเลขาธิการพระราชวัง ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมดูแลกองพระราชพาหนะ ได้นำรถยนต์ในพระปรมาภิไธยไปใช้จนเกิดอุบัติเหตุ และแอบอ้างพระปรมาภิไธย เพื่อยกเว้นภาษีการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ แล้วนำรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศไปใช้ทดแทนรถยนต์คันเดิมที่ประสบอุบัติเหตุ โดยไม่ปรากฏหลักฐานการน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายรถยนต์คันใหม่และไม่มีหลักฐานการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์คันเดิมแต่อย่างใด
นอกจากนี้ นายดิสธร ได้มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยาของตนเอง เมื่อหญิงตั้งครรภ์กลับพาหญิงคนดังกล่าวไปทำแท้ง นอกจากนั้นเมื่อหญิงคนดังกล่าวตั้งครรภ์เป็นครั้งที่สอง นายดิสธรก็ยังบังคับข่มขืนใจเพื่อให้ไปทำแท้งอีกครั้งแต่หญิงคนดังกล่าวไม่ยินยอม นายดิสธรจึงบังคับหญิงคนดังกล่าวให้แต่งงานกับชายอื่น ซึ่งไม่เคยมีความสัมพันธ์กัน
อีกทั้ง นายดิสธร ได้นำดินที่ขุดทิ้งจากโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ ซึ่งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ฯ ขอรับบริจาคจากสภาสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในกิจการของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ฯ แต่นายดิสธร กลับนำดินดังกล่าวไปขายให้แก่โครงการหมู่บ้านจัดสรรและยังนำดินส่วนหนึ่งไปถมในพื้นที่ของครอบครัวตนเอง ซึ่งมิได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ขอรับบริจาค พฤติกรรมดังกล่าวของนายดิสธร เป็นการกระทำผิดราชสวัสดิ์และเป็นความผิดวินัยฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จึงเห็นสมควรได้รับโทษไล่ออกจากราชการ
สำนักพระราชวังพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของ นายดิสธร วัชโรทัย เป็นความผิดวินัยฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จึงเห็นควรลงโทษไล่ออกจากราชการ
ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 มาตรา 15 และมาตรา 18 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 จึงลงโทษไล่ นายดิสธร วัชโรทัย ออกจากราชการ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ด้วย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการพระราชวัง