คมนาคมสั่งรื้อแผนปฏิรูปรถเมล์ จัดผังเส้นทางโซนนิ่งแบบอังกฤษ
รมช.คมนาคมสั่งรื้อแผนปฏิรูปรถเมล์ ชงขยายเวลา-จัดผังเส้นทางโซนนิ่งใช้แนวทางแบบอังกฤษ
นายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่ากระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้ที่ปรึกษาโครงการปฏิรูปรถโดยสารประจำทางใน กทม.และปริมณฑลหรือรถเมล์ ได้แก่ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)กลับไปปรับแผนปฏิรูปใหม่ทั้งหมด โดยเน้นไปที่การแบ่งพื้นที่ของรถเมล์หรือการจัดโซนนิ่งซึ่งคล้ายกับการบริหารจัดการระบบโครงข่ายรถเมล์ของประเทศอังกฤษ โดยการจัดทำรายงานการปฏิรูปรถเมล์ที่ทีดีอาร์ไอนำมารายงานกระทรวงคมนาคมนั้นพบว่ายังไม่สอดคล้องกับแผนการกฏิรูปรถเมล์ที่กระทรวงคมนาคมต้องการเพราะรถเมล์ส่วนใหญ่ยังวิ่งให้บริการตามเส้นทางเดิม แต่มีการเพิ่มเส้นทางใหม่เข้ามาเท่านั้น เพื่อให้เกิดความครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น
อย่างไรก็ตามตนได้เสนอให้ปรับระยะเวลาแผนปฏิรูปให้เป็นระยะยาวมากขึ้น จากเดิม 5 ปี ให้ขยายไปเป็น 6-7 ปี เพื่อให้สอดรับกับระยะเวลาการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าในกทม.ครบทุกสายทาง โดยกระทรวงจะเสนอให้ทีดีอาร์ไปทำการศึกษาแผนปฏิรูปยาวออกไปอีกจนถึงช่วงภายหลังจากรถไฟฟ้าทุกเส้นทางเปิดให้บริการไปแล้วด้วย
"ก่อนหน้านี้ผมได้ให้การบ้านทีดีอาร์ไอไปแล้ว โดยสั่ง ให้ไปปรับแผนปฏิรูปรถเมล์ใหม่ทั้งหมด ซึ่งทีดีอาร์ไอจะมาหารือเสนอรายละเอียดเบื้องต้น ในวันที่ 9 พ.ย. นี้ ว่าจะมีทิศทางอย่างไร ยอมรับว่าแผนต้องปรับปรุงหลายเรื่อง และต้องใช้เวลา คาดว่าไตรมาสแรกปีหน้าจึงจะเห็นแผนปฏิรูปรถเมล์ใหม่ที่ชัดเจน"นายพิชิตกล่าว
นายพิชิตกล่าวต่อว่าข้อดีของการจัดทำโซนนิ่งรถเมล์แบบประเทศอังกฤษนั้นจะทำให้สามารถบริหารจัดการได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะจะทำให้เกิดการเดินทางเชื่อมต่อเป็นระบบและครอบคลุมไปยังระบบอื่น โดยเฉพาะระบบรถไฟฟ้าและเรือ สอดคล้องกับแผนระบบการขนส่งภาพรวมในอนาคตที่ต้องการให้รถเมล์ทำหน้าที่เชื่อมต่อระบบขนส่งต่างๆ (ฟีดเดอร์) โดยมีรถแท็กซี่และรถจักรยานยนต์รับจ้างเป็นส่วนเสริมระบบขนส่งรถเมล์ ส่วนการเปลี่ยนชื่อเส้นทางรถเมล์ใหม่เป็นภาษาอังกฤนั้น เบื้องต้นมีความเป็นไปได้ที่จะให้มีการปรับจากตัวอักษรภาษาอังกฤษเป็นภาษไทยแทนเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ
นายพิชิตกล่าวต่อว่า ความคืบหน้าโครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี จํานวน 489 คัน วงเงิน 4,020ล้านบาทนั้นทางกรมบัญชีกลางจะเปิดให้เอกชนที่ผ่านคุณสมบัติเข้ายื่นข้อเสนอและเปิดประกวดราคาทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ในวันที่ 7 พ.ย.นี้ หากไม่มีการร้องเรียน คาดว่าภายในสิ้นเดือนพ.ย. จะได้ตัวผู้ชนะการประมูล ส่วนกรณีของเบสรินท์ที่ก่อนหน้านี้ระบุว่าจะเข้าร่วมประมูลด้วยนั้น ขสมก. มองว่าเป็นผู้ทิ้งงาน ชัดเจน เบื้องต้นทราบว่า ขสมก. ได้กำหนดในทีโออาร์ว่าบุคคลที่เคยทิ้งงานขสมก. จะไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติให้เข้าร่วมประมูล