อัยการสั่งไม่ฟ้อง 3 นักปกป้องสิทธิฯ กรณีรายงานการทรมานภาคใต้
อัยการสั่งไม่ฟ้องสามนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่เปิดโปงการทรมานโดยเจ้าหน้าที่รัฐในภาคใต้ หลังการรณรงค์อย่างต่อเนื่องโดยแอมเนสตี้และผู้สนับสนุนสิทธิมนุษยชนทั่วโลก
สํานักงานอัยการจังหวัดปัตตานีสั่งไม่ฟ้องและยุติการดำเนินคดีหมิ่นประมาทต่อนางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และภายหลังดำรงตำแหน่งประธานแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยด้วย พร้อมนักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชนอีกสองคนคือ นายสมชาย หอมลออ และนางสาวอัญชนา หีมมิหน๊ะกรณีถูกกองทัพฟ้องหมิ่นประมาท จากการที่ทั้งสามทำรายงานเปิดโปงการทรมานโดยเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ของไทย
เจมส์ โกเมซ (James Gomez) ผู้อำนวยการสำนักงานเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่าแม้จะเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องนักปกป้องสิทธิมนุษยชนทั้งสามคน ซึ่งไม่ควรมีการดำเนินคดีกับพวกเขาตั้งแต่แรก ทั้งสามคนไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนหยัดต่อสู้อย่างสันติเพื่อสิทธิของผู้อื่น จึงไม่ควรที่พวกเขาจะได้รับโทษจำคุก เพียงเพราะออกมาเปิดโปงการทรมานของกองทัพ
“แอมเนสตี้ขอเรียกร้องให้ทางการไทยลดการฟ้องร้องในคดีหมิ่นประมาท เนื่องจากพบว่าข้อหานี้มักถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือคุกคามนักปกป้องสิทธิมนุษยชน นักกิจกรรม ผู้สื่อข่าว และภาคประชาสังคมในประเทศ ส่งผลให้เกิดความหวาดกลัวต่อการใช้เสรีภาพในการแสดงออกและการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างสันติตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
รายงานดังกล่าวเป็นการบันทึกคำให้การเกี่ยวกับการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายอื่นๆ ทั้งหมด 54 กรณีที่ถูกกล่าวหาว่าก่อเหตุโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งรวมถึงตำรวจและทหารในพื้นที่ ตีพิมพ์และเผยแพร่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์2559 โดยความร่วมมือของมูลนิธิผสานวัฒนธรรมและกลุ่มด้วยใจ
ต่อมาในเดือนพฤษภาคม 2559 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ได้แจ้งความหมิ่นประมาทและความผิดทางคอมพิวเตอร์ต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนทั้งสามคน ซึ่งเป็นบรรณาธิการของรายงานฉบับดังกล่าว
หลังการรณรงค์อย่างต่อเนื่องของแอมเนสตี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงประเทศไทย ตลอดจนองค์กรสิทธิมนุษยชนอื่นๆ ทั่วโลก เจ้าหน้าที่กองทัพได้ออกมาให้คำมั่นสัญญาว่าจะถอนฟ้องเมื่อเดือนมีนาคม 2560 ที่ผ่านมา จนกระทั่งอัยการสั่งไม่ฟ้องและยุติการดำเนินคดีต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนทั้งสาม ในความผิดฐานหมิ่นประมาททางอาญาและความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา
หมายเหตุ: ภาพประกอบจาก มูลนิธิผสานวัฒนธรรม