ขุดสมบัติ-ธุรกิจ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ถูกฟันยื่นบัญชีเท็จ- 5 ปีทรัพย์สินเพิ่ม 93 ล.
ขุดบัญชีทรัพย์สิน ‘สมควร โอบอ้อม’ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ ปชป. ปี’51 มีแค่ 42 ล้าน ผ่านไป 5 ปีพุ่งอีก 93 ล้านเป็น 136 ล้าน ธุรกิจ 8 แห่ง เลิก-ร้าง-เสร็จชำระบัญชีแล้ว 5 แห่ง เหลือ 3 แห่ง ‘โอบอ้อมอุตสาหกรรม (1994)’ บริษัทเจ้าปัญหาถูกศาลฎีกาฯฟันยื่นเท็จ รายได้ล่าสุดปี’58 ขาดทุน 3.3 ล้าน ส่วนบริษัทผลิตเกจ-เครื่องกล ฟันกำไรปี’59 เฉียด 10 ล้าน
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกนายสมควร โอบอ้อม อดีต ส.ส.นครสวรรค์ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นเวลา 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท ก่อนรับสารภาพเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 1 ปี
ตามสำนวนไต่สวนในชั้นศาลฎีกาฯ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้ร้อง พบว่า นายสมควร ไม่แจ้งรายการเงินลงทุนเป็นหุ้นบริษัท โอบอ้อมอุตสาหกรรม (1994) จำกัด จำนวน 85,300 หุ้น โดยมีนายเอกชัย พวงเพ็ชร เป็นผู้ถือหุ้นแทน
แม้นายสมควรจะอ้างว่า น.ส.ภัทรภร โอบอ้อม บุตรสาว กู้ยืมเงินนายเอกชัยเพื่อมาใช้จ่ายในกิจการบริษัท จึงให้นายเอกชัยมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นดังกล่าวแทน และด้วยความพลั้งเผลอไม่รอบคอบ จึงระบุในบัญชีทรัพย์สินเฉพาะจำนวนหุ้นตามบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น มิได้มีเจตนาปกปิดหรือซ่อนเร้นไม่ชี้แจงให้ ป.ป.ช. ทราบ แต่ศาลฎีกาฯเห็นว่า ข้อต่อสู้ดังกล่าวฟังไม่ขึ้น (อ่านประกอบ : คุก1เดือนรอลงอาญา!‘สมควร’อดีต ส.ส. ปชป.นครสวรรค์ยื่นทรัพย์สินเท็จ-ให้นอมินีถือหุ้น)
ตามไปดูบัญชีทรัพย์สิน-ธุรกิจของนายสมควรกันบ้าง ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ในการยื่นบัญชีทรัพย์สินของนายสมควรแก่ ป.ป.ช. ช่วงดำรงตำแหน่ง ส.ส. เมื่อปี 2551 พ้นตำแหน่งปี 2554 และพ้นตำแหน่งครบ 1 ปี ปี 2555 จำนวนทรัพย์สินของนายสมควรเพิ่มขึ้นโดยตลอด
ปี 2551 แจ้งว่า มีทรัพย์สิน 23,945,916 บาท มีหนี้สิน 4,511,044 บาท ส่วนนางณัฐธร โอบอ้อม คู่สมรส มีทรัพย์สิน 18,657,239 บาท มีหนี้สิน 2,441,198 บาท เบ็ดเสร็จทรัพย์สินรวม 42,603,208 บาท หนี้สินรวม 6,952,243 บาท
ปรากฏรายการเงินลงทุน 1 แห่ง ได้แก่ บริษัท โอบอ้อมอุตสาหกรรม (1994) จำกัด มูลค่า 14.3 ล้านบาท (ของนายสมควร 1 ล้านบาท ของคู่สมรส 13.3 ล้านบาท)
ปี 2554 แจ้งว่า มีทรัพย์สิน 55,592,537 บาท ไม่มีหนี้สิน ส่วนนางณัฐธร (เปลี่ยนชื่อเป็นจุฑามาศ) มีทรัพย์สิน 12,275,178 บาท มีหนี้สิน 1,038,329 บาท เบ็ดเสร็จทรัพย์สินรวม 67,867,715 บาท หนี้สินรวม 1,038,329 บาท
ปรากฏรายการเงินลงทุน 1 แห่ง ได้แก่ บริษัท โอบอ้อมอุตสาหกรรม (1994) จำกัด มูลค่า 36,470,000 บาท (เป็นของนายสมควรทั้งหมด ส่วนของคู่สมรสหายไป)
ปี 2555 แจ้งว่า มีทรัพย์สิน 124,592,050 บาท ไม่มีหนี้สิน ส่วนนางจุฑามาศ มีทรัพย์สิน 12,007,585 บาท มีหนี้สิน 549,605 บาท เบ็ดเสร็จทรัพย์สินรวม 136,599,636 บาท หนี้สินรวม 549,605 บาท
ปรากฏรายการเงินลงทุน 1 แห่ง ได้แก่ บริษัท โอบอ้อมอุตสาหกรรม (1994) จำกัด มูลค่า 36,470,000 บาท (เป็นของนายสมควรทั้งหมด)
เท่ากับว่าเวลาประมาณ 5 ปีเศษ นับตั้งแต่เข้าดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2551 จนถึงพ้นตำแหน่งครบ 1 ปีในปี 2555 นายสมควร และคู่สมรส มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 93,996,428 บาท
คราวนี้มาดูในมุมธุรกิจกันบ้าง ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลพบว่า นายสมควร และคนสกุล ‘โอบอ้อม’ เป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 8 แห่ง (เท่าที่ตรวจสอบพบ) แบ่งเป็นบริษัทที่เลิก ร้าง และเสร็จการชำระบัญชีไปแล้ว 5 แห่ง ได้แก่ หจก.โอบอ้อมเซลส์แอนด์เซอร์วิส หจก.โอบอ้อมธุรกิจ บริษัท โอบอ้อมอุตสาหกรรม (2001) จำกัด หจก.โอบอ้อม (2521) และ หจก.โอบอ้อมอุตสาหกรรม
มีบริษัทที่ยังดำเนินกิจการอยู่ 3 แห่ง ได้แก่
บริษัท โอบอ้อมอุตสาหกรรม (1994) จำกัด
จดทะเบียนเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2537 ทุนปัจจุบัน 91 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 88 ม.7 ต.นครสวรรค์ตก อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ประกอบธุรกิจผลิตไมโครโฟน ลำโพง และเครื่องขยายเสียง มีนายสมควร โอบอ้อม และ น.ส.ภัทรพร โอบอ้อม เป็นกรรมการ
แจ้งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2558 มีรายได้รวม 54,214,034 บาท รายจ่ายรวม 53,599,489 บาท ดอกเบี้ย 4,011,189 บาท ขาดทุนสุทธิ 3,396,645 บาท
บริษัท โอบอ้อม เกจ เทคโนโลยี จำกัด
จดทะเบียนเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2556 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 280/1 ม.9 ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ประกอบธุรกิจรับออกแบบ ผลิต จำหน่ายเกจ เครื่องในงานจักรกลงานตามออเดอร์ มีนายไพรัช โอบอ้อม เป็นกรรมการ
แจ้งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2559 รายได้รวม 24,179,615 บาท รายจ่ายรวม 14,013,561 บาท กำไรสุทธิ 9,967,269 บาท
หจก.โอบอ้อมขนส่ง
จดทะเบียนเมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2537 ทุนปัจจุบัน 2 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 62/26 หมู่บ้านนรติกร ถ.เทศบาล 4 ซอย 1 ต.ปากเพรียว อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี ประกอบธุรกิจรับจ้างขนส่งทั่วไป นำเข้าส่งออก มี น.ส.ปัญญา โอบอ้อม ลงหุ้น 1.5 ล้านบาท และนายวิบูลย์ จำนงค์ยุทธ ลงหุ้น 5 แสนบาท
แจ้งงบการเงินครั้งล่าสุดเมื่อปี 2547 หรือประมาณ 13 ปีที่แล้ว