'ดีเอสไอ'สรุปสำนวนสั่งฟ้อง 'ภูดิศ' คดีแชร์สัมมนา
ดีเอสไอสรุปสำนวนสั่งฟ้อง “ภูดิศ"เท้าแชร์คอร์สสัมมนา พร้อมพวก หลอกตุ๋นร่วมทุนนับพันล้านบาท เผยเหยื่ออีกกว่า 1,400ราย ไม่เข้าให้ปากคำ สรุปยอดความเสียหายของผู้ร่วมทุน 2,600 ราย สูญเงินกว่า 570 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2560 พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ เดินทางไปสำนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เพื่อส่งมอบสำนวนคดีพิเศษที่ 112/2560 กรณีบริษัท เดอะ ซิสเต็ม ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ จำกัด และบริษัท อินโนวิชั่น โฮลดิ้ง จำกัด ชักชวนให้ประชาชนทั่วไปลงทุน ซึ่งปรากฏเอกสารจากการสอบสวนในสำนวนทั้งสิ้นจำนวน 266 แฟ้ม หรือ 82,315 แผ่น โดยคดีนี้ พนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน และมีการออกหมายจับผู้ต้องหาอีกรวม 10 คน
สำหรับคดีดังกล่าว สืบเนื่องจาก บริษัท เดอะ ซิสเต็ม ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ จำกัด โดย นายภูดิศ กิตติธราดิลก กับพวก ผู้ต้องหาที่ 1 และบริษัท อินโนวิชั่น โฮลดิ้ง จำกัด โดย นายภูดิศ กิตติธราดิลก กับพวก ผู้ต้องหาที่ 2 และนายภูดิศ กิตติธราดิลก (ในฐานะส่วนตัว) ผู้ต้องหาที่ 3 กับพวก ได้กระทำความผิด โดยทุจริตร่วมกันหลอกลวงโดยประกาศโฆษณาต่อประชาชนทั่วไป ให้เข้าร่วมลงทุนกับ บริษัท เดอะ ซิสเต็ม ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ จำกัด และบริษัท อินโนวิชั่น โฮลดิ้ง จำกัด โดยกำหนดแผนการลงทุน แบ่งระดับหรือแพ็คเกจออกเป็น 5 ระดับหรือแพ็คเกจ ทุกระดับหรือแพ็คเกจ ผู้ต้องหาตกลงที่จะจ่ายผลตอบแทนให้ผู้ลงทุนในอัตราร้อยละ 7 ต่อหนึ่งสัปดาห์ โดยกำหนดจ่ายผลตอบแทนให้ทุกสัปดาห์ เป็นระยะเวลา 52 สัปดาห์ (หนึ่ง ปี) ทำให้มีประชาชนหลงเชื่อและนำเงินมาเข้าร่วมลงทุน แต่กลับไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ตกลง ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวน 2,653 คน รวมมูลค่าความเสียหาย 574 ล้านบาทเศษ
“คดีนี้มีมูลค่ากาารลงทุนนับพันล้านบาท มีประชาชนเข้าลงทะเบียนระบุว่าเป็นผู้เสียหายมากกว่า 4,000 คน แต่เมื่อคดีเข้าสู่การสอบสวน ดีเอสไอได้จัดชุดพนักงานสอบสวนลงพื้นที่ไปสอบปากคำผู้เสียหายตามภูมิภาคต่างๆ แต่มีผู้เสียหายเข้าให้ปากคำแค่ 2,600 ราย ที่เหลือไม่ได้ติดต่อเข้าพบพนักงานสอบสวน ในส่วนของความเสียหายดีเอสไอต้องคำนวณตามความเสียยหายจริง ซึ่งพบว่าผู้เสียหายบางส่วนได้รับผลตอบแทนคืนไปเป็นจำนวนมาก และมีบางส่วนได้กำไรจากการลงทุน ทำให้วงเงินความเสียหายที่ปรากฎจริงมีประมาณ 574 ล้านบาท” พ.ต.ท.พเยาว์กล่าว
พ.ต.ท.พเยาว์ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอขอแจ้งเตือนไปยังประชาชน ให้ระมัดระวังในการชักชวนให้ลงทุนที่อ้างว่ามีผลตอบแทนสูงกว่าอัตราที่สถาบันการเงินพึงจ่ายได้ ดังนั้นเพื่อเป็นข้อเตือนใจสำหรับประชาชนหรือผู้นิยมการลงทุนในรูปแบบลักษณะดังกล่าว ขอให้ตรวจสอบความเป็นมาของบริษัทก่อนว่ามีการจัดตั้งขึ้นมาเป็นการเฉพาะหรือมีความมั่นคงในการดำเนินกิจการมาอย่างยาวนานหรือไม่ และการให้ผลกำไรหรือปันผลที่มีอัตราสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดนั้น โดยส่วนใหญ่จะมีความสุ่มเสี่ยง เข้าข่ายการหลอกลวงให้ลงทุนในลักษณะแชร์ลูกโซ่