นักสิทธิมนุษยชนอีสานยื่นหนังสือ คกก.สิทธิ ตรวจสอบ กพร.กรณีเหมืองโปแตซอุดร

เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติภาพอีสาน(ศสส.) ทำหนังสือถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ผ่าน น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการ กสม.ขอให้มีการตรวจสอบการรังวัดปักหมุดของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่(กพร.) ในพื้นที่ความขัดแย้งเหมืองแร่โปแตซอุดรธานี

หนังสือดังกล่าวลงนามนายสุวิทย์  กุหลาบวงษ์ ผู้ประสานงาน ศสส.โดยระบุว่าด้วยสถานการณ์ปัญหาเหมืองแร่โปแตชใน จ.อุดรธานีในขณะนี้ได้มีความขัดแย้งรุนแรงในพื้นที่ เกิดการปะทะกันระหว่างชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานีกับ  ฝ่ายสนับสนุนให้มีเหมืองแร่โปแตช  รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ  อปพร. ที่ได้มาคุ้มกันการรังวัดปักหมุด ซึ่งสถานการณ์ความขัดแย้งดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจาก กพร.ได้ร่วมมือกับบริษัทเอเชียแปซิฟิคโปแตช คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด(APPC) จัดคนเข้ามารังวัดปักหมุดในพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 30 ต.ค. -1 พ.ย.

ทั้งที่ก่อนหน้านั้นในวันที่ 29 ต.ค. ทาง กพร.ได้มีการจัดเวทีประชุมชี้แจงการขออนุญาตประทานบัตรตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 ภายใต้กรอบมาตรา 67 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ที่โรงแรงเซนทาราโฮเต็ล แกรนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ อุดรธานี  ซึ่งในที่ประชุมทาง กพร.เอง ได้มีการชี้แจงถึงขั้นตอนต่างๆและการมีส่วนร่วมโดยได้เน้นย้ำที่จะต้องมีการประชาคมในหมู่บ้านเพื่อชี้แจงการจัดทำโครงการเหมืองแร่โปแตช

แต่วันต่อมาชาวบ้านกลับได้รับหนังสือจากทางราชการว่า กพร.จะลงมารังวัดปักหมุดในพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ลัดขั้นตอนโดยไม่มีการฟังเสียงชาวบ้านก่อน  จึงทำให้เกิดความขัดแย้งและปะทะกันของประชาชนในพื้นที่  ประกอบกับการที่ทาง กพร. ใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 4 คันรถ และอปพร.ไม่ต่ำกว่า 30 นาย  ในการคุ้มกันการรังวัดและกีดกันชาวบ้านออกจากพื้นที่ที่ทำการรังวัด  ซึ่งเป็นการกระทำหน้าที่ที่ส่งเสริมการละเมิดสิทธิประชาชน ผลจากการลงรังวัดปักหมุดครั้งนี้ทาง กพร.สามารถดำเนินการปักหมุดได้ในบางจุดในพื้นที่ ต.หนองไผ่ อ.เมือง จ.อุดรธานี และในพื้นที่อื่นๆอีก  ซึ่งชาวบ้านไม่สามารถตรวจสอบได้

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทางศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติภาพอีสาน จึงขอให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เข้ามาตรวจสอบการดำเนินการรังวัดปักหมุดในพื้นที่ของ กพร.และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นซึ่งอยู่เบื้องหลังความขัดแย้ง เพื่อที่จะนำไปสู่การคลี่คลายปัญหาต่อไป.