จี้รื้อบัตรผู้มีรายได้น้อยช่วยไม่ตรงจุด
นักวิชาการแนะรัฐปรับรูปแบบขึ้นทะเบียนบัตรผู้มีรายได้น้อยหลังพบช่วยไม่ตรงจุด ขณะที่พบร้านค้าตกเขียวบัตรแลกจ่ายเงินสดคิดดอกเบี้ย
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ศูนย์ติดตามและพยากรณ์เศรษฐกิจการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ สศก. ติดตามผลการดำเนินการโครงการบัตรสวัสดิการของรัฐ 11.4 ล้านคน งบประมาณ 4.6 หมื่นล้านบาท พบว่า ขณะนี้มีเกษตรกร 3.32 ล้านคน หรือ 30% วงเงิน 1.33 หมื่นล้านบาท นำบัตรไปใช้จ่ายซื้อวัตถุดิบทางการเกษตร ซึ่งทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบสองครั้งตามรอบการผลิต มูลค่าทางเศรษฐกิจภาคเกษตรประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท
สำหรับอีก 70% อยู่นอกภาคเกษตรจะเป็นการใช้จ่ายและมีเงินหมุนประมาณ 4 รอบ ทั้งหมดคาดว่าจะส่งให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศร่วม 118,077 ล้านบาท ทั้งนี้ สศก.จะใช้ข้อมูลมาส่งเสริมภาคการเกษตรต่อไปเพื่อสร้างโอกาสหมุนเงินในภาคเกษตรมากกว่าสองรอบ
นายกัมปนาท เพ็ญสุภา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) กล่าวว่า ถือเป็นโครงการที่ดี แต่พบว่ายังมีช่องโหว่ที่รัฐควรจะปรับปรุงในปีถัดไปเนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายของรัฐที่เป็นภาระงบประมาณจำนวนมาก โดยเห็นว่าควรมีการปรับปรุงในด้านข้อมูลคนมีรายได้น้อยใหม่เพื่อให้ได้ตัวจริงและการช่วยเหลือตรงตัวตามเป้าหมายของรัฐ เช่น ตัวเลข 11.4 ล้านคน ระบุเป็นเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย 3.2 ล้านคน โดยอีก 70% อยู่นอกภาคเกษตร สวนทางกับความคิดของสังคมที่มองว่าคนจนส่วนมากคือเกษตรกร
นอกจากนี้ คนมีรายได้น้อยที่อายุตั้งแต่ 15 ปี เริ่มทำงานแต่ไม่ได้เข้าโครงการ เพราะรัฐยึดที่อายุ 18 ปี ในขณะที่กลุ่มนี้บางรายเป็นนิสิตนักศึกษาที่ครอบครัวมีฐานะแต่ได้เงินช่วยเหลือ ดังนั้นรอบต่อไปควรให้แสดงฐานะของผู้ปกครองด้วย รวมถึงการจำแนกคนจนรายกลุ่ม เพื่อให้การช่วยเหลือของรัฐตรงความต้องการที่แท้จริง และคาดว่าตัวเลขคนจนจะลดลง นอกจากนั้นเสนอว่า รัฐควรให้สวัสดิการคนจนแบบมีเงื่อนไขแทนการให้เปล่า เพื่อการพัฒนาคนและสังคม เช่น ให้มีการทำงาน หรือจ้างงาน หรือกรณีผ่านเงื่อนไขรัฐจะช่วยส่งเสริมในเรื่องทุนหรือโอกาสพัฒนาอาชีพด้วย
ทั้งนี้ ฝากรัฐตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนิสิตมหาวิทยาลัยหลายคนที่กลับไปบ้านต่างจังหวัดพบว่ามีการนำบัตรคนจนมาเก็บไว้กับร้านค้าเพื่อแลกกับเงินสดที่ ร้านค้านั้นจ่ายแต่หักดอกเบี้ยไว้ ซึ่งเจ้าของบัตรเต็มใจเนื่องจากหากใช้เองอาจใช้ ไม่เต็มวงเงินและเสียโอกาส