‘ดูเตร์เต’ หยุดใช้ตำรวจทำสงครามยาเสพติด หลังสังหารไปเกือบ 4พันศพ
โรดริโก ดูเตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ถอดตำรวจออกจากการเป็นแกนนำในการทำสงครามยาเสพติดแล้ว หลังสังหารผู้ต้องสงสัยไปเกือบ 4,000 ราย ในระยะเวลา 1 ปี จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตร์เต แห่งประเทศฟิลิปปินส์ ดึงกองกำลังตำรวจของประเทศ ออกจากการเป็นผู้นำในการทำสงครามกับยาเสพติด ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 12,000 คน หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยจะให้สำนักงานบังคับกฎหมายยาเสพติด เข้าทำหน้าที่แทน
สมาชิกรัฐสภายุโรปถือป้ายส่งข้อความถึงประธานาธิบดี ดูเตร์เต ให้ยุติการเข่นฆ่าในการทำสงครามปราบยาเสพติด
ประธานาธิบดี ดูเตร์เต ซึ่งรับตำแหน่งผู้นำฟิลิปปินส์ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2559 ดำเนินนโยบายต่อต้านการค้ายาเสพติด, อาชญากรรม และการทุจริตคอร์รัปชันอย่างแข็งกร้าว โดยเริ่มปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด ซึ่งให้ตำรวจและประชาชนสามารถสังหารผู้ต้องสงสัยค้ายาได้ทันที ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2559 ก่อนจะระงับปฏิบัติการของตำรวจในเดือนมกราคม 2560 หลังเกิดกรณีตำรวจลักพาตัว และฆาตกรรมนักธุรกิจชาวเกาหลีใต้
อย่างไรก็ตาม ตำรวจเริ่มการกวาดล้างยาเสพติดอีกครั้งในเดือนมีนาคม ซึ่งจนถึงตอนนี้ตำรวจสังหารผู้ต้องสงสัยแล้วอย่างน้อย 3,850 ราย นอกจากนี้ นโยบายปราบยาเสพติดของดูเตร์เต ทำให้เกิดการเข่นฆ่าโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมเป็นจำนวนมาก เรียกเสียงประณามจากทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวล่าสุดของดูเตร์เต เกิดขึ้นหลังจากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ตำรวจฟิลิปปินส์โจมตีอย่างหนัก โดยเฉพาะกรณีถูกกล่าวหาว่าจัดฉากฆาตกรรมวัยรุ่นชายวัย 17 ปี คาลูกาน โดยตำรวจอ้างว่า วัยรุ่นคนนี้วิ่งหนี และยิงปืนเข้าใส่เจ้าหน้าที่ แต่พยานยืนยันว่าตำรวจพยายามยัดปืนให้ชายคนนี้ ขณะที่ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นว่า วัยรุ่นคนนี้ถูกตำรวจลากตัวไป ไม่ได้วิ่งหนี ซึ่งผลที่ตามมาคือ มีตำรวจในกรุงมะนิลาถูกโยกย้ายกว่า 1,200 นาย