อนุดิษฐ์สั่งไปรษณีย์ฟื้นธนาคารคนจน
ไอซีทีไฟเขียวไปรษณีย์ฟื้นธนาคารคนจน เร่งกระจายเงินกู้เข้าถึงประชาชนทั่วประเทศ
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที เปิดเผยว่า ได้ให้นโยบายกับคณะกรรมการ หรือ บอร์ด ชุดใหม่ ที่มี นายเอนก เพิ่มวงส์เสนีย์ เป็นประธาน ว่าให้สานต่อโครงการปล่อยเงินกู้ให้กับประชาชนผ่าน บริษัท สินเชื่อ ไปรษณีย์ไทย หลังจากที่ผ่านมาต้องหยุดชะงักไป
ทั้งนี้ การดำเนินการต่างๆ สามารถขึ้นตรงกับบอร์ดไปรษณีย์ไทยได้เลย และทางบอร์ดต้องประสานงานกับทางกระทรวงการคลังว่าจะทำในรูปแบบเช่นไร
น.ส.อานุสรา จิตต์มิตรภาพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้โครงการดังกล่าวได้ดำเนินการถึงขั้นตอนได้ตัวบุคคลที่มาทำหน้าที่กรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทใหม่แล้ว แต่ถูกชะลอไปเนื่องจาก เปลี่ยนรัฐบาล ซึ่งในตัวโครงการนั้นยังอยู่เพราะหากต้องการยกเลิกต้องนำเสนอให้ ครม.เป็นผู้อนุมัติ ดังนั้น หากไอซีทีมีนโยบายให้ดำเนินการต่อ ไปรษณีย์ก็จะเร่งให้เร็วที่สุด
สำหรับโครงการปล่อยเงินกู้ผ่านไปรษณีย์เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดที่แล้ว โดยครม.อนุมัติให้จัดตั้งบริษัท สินเชื่อ ไปรษณีย์ไทย เพื่อใช้จุดแข็งของไปรษณีย์ที่มีสาขาครอบคลุมและเข้าถึงประชาชนทั่วประเทศปล่อยกู้ในวงเงิน5,000 บาท– 1 หมื่นบาท เบื้องต้นนำร่อง10 จังหวัด เช่น ศรีสะเกษ อุดรธานี ปัตตานี แม่ฮ่องสอน กำหนดจำนวนผู้กู้ 100 รายต่อจังหวัด โดยจะเน้นผู้กู้ที่นำไปเสริมกับการประกอบอาชีพเดิม
น.ส.อานุสรา กล่าวว่า ในตอนแรกที่รัฐบาลชุดนี้กังวลว่าโครงการนี้มีลักษณะเดียวกับนโยบายกองทุนหมู่บ้าน ทางไปรษณีย์เห็นว่าไม่ซ้ำซ้อนกันแน่นอน เนื่องจากการปล่อยสินเชื่อของไปรษณีย์ไม่ได้ให้ฟรี แต่เป็นการปล่อยกู้แบบคิดดอกเบี้ยต่ำและกำหนดวงเงินเพื่อให้ผู้กู้นำไปพัฒนาประกอบอาชีพ ซึ่งเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน
ขณะที่แผนธุรกิจของไปรษณีย์ที่ได้นำเสนอให้บอร์ดใหม่รับทราบ คือ การรุกบริการโลจิสติกส์อย่างจริงจังในปีนี้ที่ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากบริการนี้ 20% และกิจกรรมพิเศษ คือ ไปรษณียบัตรทายผลฟุตบอลยูโร การจัดส่งบัตรเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับไปรษณีย์เป็น 1.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 1,000 ล้านบาท และมีกำไร 800 ล้านบาท
ด้านผลประกอบการปีที่ผ่านมา มีรายได้รวม 1.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ประมาณ 370 ล้านบาท โดยธุรกิจสื่อสารยังยังครองสัดส่วนสูงสุด 73% ธุรกิจขนส่ง 12% ที่เหลือเป็นธุรกิจค้าปลีกและรับชำระเงิน และไปรษณียากรเพื่อการสะสม