กลุ่มติดอาวุธโรฮีนจาประกาศหยุดยิง 1 เดือน หลังคนอพยพหนีตายเกือบ 3 แสน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 9 ก.ย. กองทัพปลดปล่อยโรฮีนจาแห่งอาระกัน หรือกลุ่มอาร์ซา (Arakan Rohingya Salvation Army - ARSA) ซึ่งก่อเหตุโจมตีด่านตรวจและค่ายทหารเมียนมา เมื่อ 25 ส.ค. จุดชนวนเหตุความรุนแรงรอบใหม่ในรัฐยะไข่ ออกแถลงการณ์ประกาศหยุดยิงเป็นเวลา 1 เดือนแต่เพียงฝ่ายเดียวตั้งแต่วันอาทิตย์นี้ อ้างว่าทำเพื่อผ่อนคลายวิกฤติด้านมนุษยธรรม หลังจากมีชาวโรฮีนจาต้องอพยพหนีความรุนแรงเกือบ 300,000 คนแล้ว พวกเขายังเรียกร้องให้กองทัพรัฐบาลเมียนมาหยุดยิงด้วย
ตามรายงานของสหประชาชาติ นับตั้งแต่เหตุความรุนแรงรอบใหม่ปะทุขึ้น มีชาวโรฮีนจาต้องอพยพหลบหนีเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างบังกลาเทศแล้วกว่า 290,000 คน และองค์กรช่วยเหลือต่างๆ ต้องใช้งบประมาณมากถึง 77 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการช่วยเหลือผู้อพยพเหล่านี้ ขณะที่มีจำเป็นเร่งด่วนในเรื่องอาหาร, น้ำดื่ม และบริการด้านสุขภาพ แก่ผู้อพยพในเมืองค็อกซ์ บาซาร์ ด้วย
ทั้งนี้ ชาวโรฮีนจา ชนกลุ่มน้อยผู้นับถือศาสนาอิสลามในเมียนมา เผชิญวิกฤติด้านมนุษยธรรมมาอย่างยาวนาน โดยในเหตุความรุนแรงครั้งล่าสุด หมู่บ้านของพวกเขาถูกเผาทำลายลงอย่างราบคาบ ชาวโรฮีนจาที่หนีรอดไปได้เปิดเผยว่า กองกำลังความมั่นคงของรัฐบาล และวัยรุ่นชาวพุทธทำร้ายและเข่นฆ่า รวมทั้งเผาบ้านเรือนของพวกเขา อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเมียนมาปฏิเสธเรื่องนี้ โดยระบุว่า กลุ่มติดอาวุธโรฮีนจาและชาวโรฮีนจาเป็นคนเผาบ้านของตัวเอง และโจมตีผู้ที่ไม่ใช่ชาวมุสลิม ซึ่งหลายคนต้องอพยพหลบหนีเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นกับชาวโรฮีนจาทำให้เกิดกระแสความกังวล และการประท้วงในหลายประเทศ ขณะที่ นางอองซาน ซูจี ผู้นำโดยพฤตินัยของเมียนมาก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักที่ไม่ปกป้องชาวโรฮีนจา