พนง.การท่าเรือฯ ฟ้องกลับดีเอสไอ แถลงข่าวใส่ร้ายรวมหัวโกงค่าล่วงเวลา
พนักงานท่าเรือเกือบ 100 ราย ร้อง ปอท. แจ้งความกลับดีเอสไอแถลงข่าวใส่ร้ายพวกตนรวมหัวโกงค่าล่วงเวลา ชี้คดีนี้ศาลแรงงานกลางได้มีคำสั่งให้การท่าเรือฯ จ่ายเงินให้พนักงาน 300 ล้านไปแล้วเมื่อปี 56 ตาม พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจฯ 43 ที่ให้ค่าจ่ายล่วงเวลาจากเหมาจ่ายมาเป็นรายชั่วโมง
เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2560 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายกฤษฎา อินทามระ ทนายความ พร้อมพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย ร่วม 80 ราย เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.หญิง วลัญชรัชฎ์ คำแก่น รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อ พ.อ.พินิจ ตั้งสกุล ผบ.สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งแถลงข่าวว่าพนักงานการท่าเรือฯ โกงค่าล่วงเวลา (โอที) เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ในข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
นายกฤษฎา เปิดเผยว่า วันนี้มีพนักงานการท่าเรือที่เกษียณอายุและยังทำงานอยู่เดินทางมาเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง เพราะถูกกล่าวหาทุจริตค่าล่วงเวลา โดยพนักงานท่าเรือเคยได้นำหลักฐานไปฟ้องค่าล่วงเวลาศาลแรงงานกลาง เนื่องจากการท่าเรือทำผิดกฎหมาย ซึ่งจริงแล้วตาม พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 ต้องเปลี่ยนค่าจ่ายล่วงเวลาจากเหมาจ่ายมาเป็นรายชั่วโมง
นายกฤษฎา เปิดเผยว่า พนักงานการท่าเรือฯ ที่เสียหายไปฟ้องศาลแรงงานกลางให้การท่าเรือฯ จ่ายเงินตามกฎหมายฉบับใหม่ ซึ่งเมื่อปี 2556 ศาลแรงงานกลางได้ให้การท่าเรือจ่ายเงินประมาณ 300 ล้านบาทแก่พนักงานการท่าเรือฯ ราว 300 คน เพราะเชื่อว่ามีการทำงานจริง ทำให้พนักงานรายอื่นจึงฟ้องร้องเพราะต้องการได้เงินที่ทำงานแลกมากับหยาดเหงื่อ จากนั้นการท่าเรือฯ กลับไปยื่นฟ้องต่อดีเอสไอว่าพนักงานการท่าเรือฯ ทำหลักฐานเท็จ จนกระทั่งส่งเรื่องไปคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
“ขณะนี้ยังมีสำนวนยื่นฟ้องอยู่ที่ศาลแรงงานกลางของพนักงานการท่าเรือฯ อีกบางส่วน เป็นเอกสาร 420,000 หน้า นอกจากนี้ การท่าเรือยังจ้างที่ปรึกษาทนายความ วงเงิน 20 ล้านบาท เพื่อมาต่อสู้กับ พนักงานการท่าเรือฯ ซึ่งดูแล้วนำงบประมาณมาใช้ไม่สมเหตุสมผล”
ด้านนายระวัง อินทร์กล่อม อดีตพนักงานการท่าเรือฯ กล่าวว่า ตนต่อสู้คดีมาตั้งแต่ปี 2545 ยื่นเรื่องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทั่งปี 53 ตนกับพวกรวม 29 คนได้เงินจากฟ้องร้องการท่าเรือฯ จำนวน 24 ล้านบาท ต่อมาพนักงานการท่าเรือรายอื่นฟ้องร้องบ้างเมื่อปี 2556 จึงทำให้นายกัมปนาท อิ่มแสงจันทร์ พนักงานการท่าเรือฯ มายื่นเรื่องที่ดีเอสไอซึ่งเป็นการส่งหลักฐานเพียงฝั่งเดียว และพนักงานที่เสียหายไม่ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูล จึงรู้สึกไม่เป็นธรรม เพราะตาม พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 การท่าเรือฯ ไม่เคยทำตามกฎหมายฉบับนี้เลย นอกจากนี้ยังมีการบีบบังคับให้พนักงานท่าเรือถอนฟ้องไปแล้วบางส่วน เนื่องจากกลัวโดนดำเนินคดีตามกฎหมาย