เปิดคำพิพากษา'มนตรี'อดีตกรมวังผู้ใหญ่อ้างเบื้องสูง ซุกบัญชีฯ 13 ครั้ง คุก 12 เดือน
ละเอียดยิบ!คำพิพากษาศาลฎีกาฯ ‘มนตรี โสตางกูร’ อดีตกรมวังผู้ใหญ่นักโทษคดีแอบอ้างเบื้องสูง จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน 13 ครั้งกรณีนั่งบอร์ด ปตท. รัฐวิสาหกิจ 4 แห่ง สั่งจำคุก 12 กระทง 24 เดือน สารภาพลดเหลือ 12 เดือนไม่รอลงโทษเหตุมีคดีเก่า
กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ส่งคำร้องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษา คดี นายมนตรี โสตางกูรหรือ หลุยส์ อดีตกรมวังผู้ใหญ่ ในความผิดจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. โดยศาลฎีกาฯ นัดพิจารณาครั้งแรก หรือนัดฟังคำพิพากษา วันที่ 10 มี.ค. 2560 (คดีหมายเลขดำที่ อม.244/2559)
กระทั่งล่าสุดวันที่ 10 มี.ค.2560 ศาลฏีกาฯได้พิพากษาว่านายมนตรีมีความผิด จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดรวม 13 กรณี ให้จำคุกกระทงละ 2เดือนรวม 12 กระทงเป็นจำคุก 24 เดือน นายมนตรีให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 12 เดือน ผู้คัดค้านอยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีอาญาหมายเลขแดงที่อ.2797/2558 และคดีอาญาหมายเลขแดงที่อ.2868/2558 ของศาลอาญากับคดีอาญาหมายเลขแดงที่อ.3019 /2558 และคดีอาญาหมายเลขแดงที่อ.3418/2558 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ จึงไม่อาจรอการลงโทษ จำคุก (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 38/2560) เผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 27 ก.ค.2560
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เรียบเรียงคำพิพากษามาเสนอดังนี้
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ร้อง ยื่นศาลฎีกาฯร้องว่า นายมนตรีจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดรวม13 กรณีคือ กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการการเคหะแห่งชาติครั้งที่2 กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1 กรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2 กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทกสทโทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) ครั้งที่1 กรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทกสทโทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2 ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 41และลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 119 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91
@สารภาพเป็นคนๆเดียวในคดีอาญาปี 58
ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่อ.2797/2558 และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.2868/2558 ของศาลอาญากับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.3019/2558 และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.3418/2558 ของศาลอาญากรุงเทพใต้
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสอบถามผู้ร้องและผู้คัดค้านแล้วเห็นว่าคดีวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องเรียกพยานมาไต่สวน
@นั่งบอร์ดรัฐวิสาหกิจ 4 แห่ง
พิเคราะห์คำร้องเอกสารประกอบคำร้องและคำให้การของผู้คัดค้านแล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าผู้คัดค้านได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเคหะแห่งชาติครั้งที่1เมื่อวันที่15ก.ค.2551 พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2552 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเคหะแห่งชาติครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2552 พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 4ม.ค.2555
ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการประปาส่วนภูมิภาคเมื่อวันที่ 20 ม.ค.2552 พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 18 เม.ย.2554
ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2554 พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2557 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2557 พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2557
ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทกสทโทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 1พ.ย.2554 พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 2 ก.ค.2557 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทกสทโทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2557 พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 3มี.ค. 2558
@ไม่ยื่นบัญชีฯ 20 กรณี
ผู้คัดค้านยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตำแหน่งในการดำรงตำแหน่งกรรมการการเคหะแห่งชาติครั้งที่2แต่ไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องรวม 20 กรณีคือ
กรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการการเคหะแห่งชาติครั้งที่1 กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการการเคหะแห่งชาติครั้งที่2 กรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค กรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ครั้งที่1 กรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ครั้งที่2 กรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท กสทโทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) ครั้งที่1 กรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท กสทโทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) ครั้งที่2
@ ป.ป.ช.ทวง แต่เฉย
ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งเตือนให้ผู้คัดค้านชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องแล้วแต่ผู้คัดค้านเพิกเฉย
@ฟัน 15 กรณี
ผู้ร้องมีมติเมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2559 เสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยว่าผู้คัดค้านจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดรวม 15 กรณีคือ
กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการการเคหะแห่งชาติครั้งที่2 กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการการประปาส่วนภูมิภาคกรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1 กรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2 กรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท กสทโทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1 กรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท กสทโทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2
ส่วนกรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการการเคหะแห่งชาติครั้งที่1กรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งในการดำรงตำแหน่งกรรมการการประปาส่วนภูมิภาคซึ่งผู้ร้องไม่ได้ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยในคดีนี้เนื่องจากล่วงเลยเวลาลงโทษทางอาญาแล้วผู้คัดค้านอยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.2797/2558และคดีอาญาหมายเลขแดงที่อ.2868/2558 ของศาลอาญากับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.3019/2558 และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.3418/2558 ของศาลอาญากรุงเทพใต้
มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าผู้คัดค้านจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดรวม 13 กรณีตามคำร้องของผู้ร้องหรือไม่
เห็นว่าการเคหะแห่งชาติจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการเคหะแห่งชาติพ.ศ. 2537 การประปาส่วนภูมิภาคจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาคพ.ศ. 2522 บริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) และบริษัทกสทโทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจพ.ศ. 2542 เป็นรัฐวิสาหกิจตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณพ.ศ. 2502 มาตรา 4 และพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจพ.ศ. 2518 มาตรา 4 ผู้คัดค้านเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจดังกล่าวจึงเป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 4 มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมเอกสารประกอบของตนคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้ร้องภายในสามสิบวันนับแต่วันเข้ารับตำแหน่งวันพ้นจากตำแหน่งและวันที่พ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 33 และมาตรา39 (15 ) ผู้คัดค้านเคยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตำแหน่งในการดำรงตำแหน่งกรรมการการเคหะแห่งชาติครั้งที่ 2 แสดงว่าผู้คัดค้านทราบว่าตนมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องตามกฎหมายดังกล่าวแต่ผู้คัดค้านกลับไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องรวม 20 กรณีดังกล่าวไว้ข้างต้น
แม้ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งเตือนให้ผู้คัดค้านชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องหลายครั้งแต่ผู้คัดค้านเพิกเฉยพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้คัดค้านไม่ใส่ใจต่อการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญของผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงที่ต้องปฏิบัติโดยเคร่งครัดอันเป็นมาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจรัฐเป็นเหตุให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตขาดประสิทธิภาพ จึงฟังได้ว่าผู้คัดค้านจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดรวม13 กรณีคือกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการการเคหะแห่งชาติครั้งที่2กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการการประปาส่วนภูมิภาคกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) ครั้งที่1กรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2 กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทกสทโทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) ครั้งที่1กรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทกสทโทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2 มีผลห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 3 มี.ค. 2558 อันเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งกรรมการบริษัทกสทโทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นตำแหน่งสุดท้ายที่ถูกกล่าวหาว่าจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 41 วรรคหนึ่ง
นอกจากนี้ผู้คัดค้านเป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 การกระทำของผู้คัดค้านซึ่งจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดรวม12 กรณีคือกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการการเคหะแห่งชาติครั้งที่ 2 กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการการประปาส่วนภูมิภาคกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1กรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทกสทโทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1 กรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทกสทโทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2
จึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา119 ด้วย
แต่คดีอาญาที่ผู้ร้องขอให้ลงโทษผู้คัดค้านในข้อหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดกรณีพ้นจากตำแหน่งในการดำรงตำแหน่งกรรมการการเคหะแห่งชาติครั้งที่ 2 องค์คณะผู้พิพากษามีมติด้วยเสียงข้างมากว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 119 ระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับแต่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มิได้บัญญัติเรื่องอายุความไว้เป็นการเฉพาะจึงต้องนำบทบัญญัติในภาค1แห่งประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 17
ดังนั้นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา119 จึงมีอายุความห้าปีนับแต่วันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95 (4) เมื่อผู้คัดค้านมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งในการดำรงตำแหน่งกรรมการการเคหะแห่งชาติครั้งที่ 2 ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ 2 ม.ค. 2555 ซึ่งครบกำหนดต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในวันที่ 2 ก.พ. 2555
แต่ผู้คัดค้านไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในกำหนดเวลาดังกล่าวอายุความจึงต้องเริ่มนับแต่วันที่ 3 ก.พ. 2555 ซึ่งเป็นวันถัดจากวันครบกำหนดยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องจนครบห้าปีในวันที่ 3 ก.พ. 2560
แม้ผู้ร้องจะยื่นคำร้องคดีนี้ในวันที่ 7 ธ.ค. 2559 ซึ่งถือว่าผู้ร้องฟ้องคดีภายในเวลาห้าปีนับแต่วันที่ผู้คัดค้านกระทำความผิดก็ตามแต่เมื่อไม่ได้ตัวผู้คัดค้านมาศาลภายในอายุความห้าปีนับแต่วันที่ผู้คัดค้านกระทำความผิดคดีผู้ร้องในส่วนนี้จึงขาดอายุความสิทธินำคดีอาญามาฟ้องในข้อหานี้จึงระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39 (6 ) ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพ.ศ. 2542 มาตรา18 วรรคสองปัญหาเรื่องอายุความในคดีอาญาเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยแม้ผู้คัดค้านไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 185 วรรคหนึ่งประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542 มาตรา18วรรคสอง
@สั่งจำคุก 24 เดือนลดเหลือ 12 เดือน
พิพากษาว่านายมนตรี โสตางกูร ผู้คัดค้าน จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดรวม 13 กรณีคือ
กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการการเคหะแห่งชาติครั้งที่ 2
กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค
กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1 กรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2
กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท กสทโทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1 กรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทกสทโทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 39 (15 ) ประกอบมาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเฉพาะตำแหน่งตามมาตรา 39 และมาตรา 40 เป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 3 มี.ค. 2558 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งกรรมการบริษัทกสทโทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 41 วรรคหนึ่ง
กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการการเคหะแห่งชาติครั้งที่ 2 กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการการประปาส่วนภูมิภาคกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1 กรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) ครั้งที่๒กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทกสทโทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1 กรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท กสทโทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2
การกระทำของผู้คัดค้านเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 เดือนรวม 12 กระทงเป็นจำคุก 24 เดือน
ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา78 คงจำคุก12 เดือน ผู้คัดค้านอยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีอาญาหมายเลขแดงที่อ.2797/2558 และคดีอาญาหมายเลขแดงที่อ.2868/2558 ของศาลอาญากับคดีอาญาหมายเลขแดงที่อ.3019 /2558 และคดีอาญาหมายเลขแดงที่อ.3418/2558 ของศาลอาญากรุงเทพใต้จึงไม่อาจรอการลงโทษจำคุก ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
อ่านรายละเอียด : http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/078/20.PDF
ทั้งนี้ นายมนตรี โสตางกูร อดีตข้าราชการ กรมวังผู้ใหญ่ เคยตกเป็นผู้ต้องหาคดีแอบอ้างเบื้องสูงเป็นกรรมการในการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) และการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) เป็นนายหน้าซื้อขายที่ดิน มีการรับค่าตอบแทน ทำให้ราคาที่ดินสูงขึ้นกว่าปกติ (อ่านประกอบ : แกะรอย‘มนตรี โสตางกูร’ ถูกหมายจับ ‘หมิ่นฯ-เรียกรับผล ปย.’-หรา!ถือหุ้นธุรกิจ)
ก่อนหน้านี้ 10 มิ.ย.2558 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ โฆษก ตร. แถลงข่าวกรณีศาลอาญา และศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุมัติหมายจับนายมนตรี โสตางกูร อายุ 54 ปี ตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.288/2558 ลงวันที่ 8 มิ.ย.2558 และที่ จ.289/2558 ลงวันที่ 8 มิ.ย.2558 ในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่นรัชทายาท (หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ) ,เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้ หรือ หามาซึ่งทรัพย์สิน หรือ ประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือ ยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบ หรือ มิชอบด้วยหน้าที่,เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือ ปฏิบัติ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112,148,149,157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123 และ123/1 นอกจากนี้ยังมีหมายจับของศาลอาญาที่ 1190/2558 ลงวันที่ 9 มิ.ย.2558 และที่ 1189/2558 ลงวันที่ 9 มิ.ย.2558 ในข้อหาเดียวกัน
อ่านประกอบ:
ป.ป.ช.ฟันเงียบ‘มนตรี’คดีบัญชีทรัพย์สิน เคยอ้างเบื้องสูงนั่งบอร์ด ปตท.-กสท.
ขุมข่ายธุรกิจ 10 บริษัท‘มนตรี โสตางกูร’ อดีตกรมวังผู้ใหญ่-หุ้นส่วน‘ตระกูลดัง’