"ผมขอโทษครับ ผมเมา..." คำสารภาพ "สิบเอก" ก่อเหตุยิงนักศึกษา ม.อ.
มีเรื่องวุ่นๆ เกือบจะบานปลายที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อมีทหารคนหนึ่งขับรถเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ของนักศีกษาหญิง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) แล้วเกิดโมโหจนใช้ปืนยิงใส่ โชคดีกระสุนพลาดเป้า
ประเด็นนี้กลายเป็นเรื่องเป็นราว เพราะองค์การนักศึกษาไม่พอใจ พาผู้เสียหายไปแจ้งความ พร้อมแถลงออกแถลงการณ์จนกลายเป็นกระแสวิจารณ์อย่างกว้างขวางในพื้นที่ ล่าสุดผู้บังคับบัญชาต้องพาทหารรายนี้ออกมาแถลงขอโทษ และสั่งดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด
ทหารคนที่ก่อเรื่อง คือ ส.อ.ปรีชา อินทะรังษี อายุ 31 ปี สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 22 โดยพฤติกรรมของ ส.อ.ปรีชา ที่กลายเป็นปัญหา เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันอังคารที่ 8 ส.ค.60 โดย ส.อ.ปรีชา ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ยิงใส่ น.ส.ฮานาน ซูเดน นักศึกษา ม.อ.ปัตตานี หลังขับรถกระบะเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ของนางสาวฮานาน และเกิดความไม่พอใจที่นักศึกษาพยายามเข้ามาสอบถามว่าจะจัดการอย่างไร โชคดีที่กระสุนไม่โดนใคร แต่ ส.อ.ปรีชาก็ยังยิงปืนขึ้นฟ้า และตะโกนท้าทายว่า "ใครกล้าก็เข้ามา คิดว่านี่เป็นปืนปลอมหรือ" เหตุเกิดบริเวณบ้านเช่าของ น.ส.ฮานาน บนถนนเจริญประดิษฐ์ หรือ ถนนสาย ม.อ. อ.เมือง จ.ปัตตานี
ก่อนที่สถานการณ์จะบานปลาย ได้มีพลเมืองดีไปแจ้งตำรวจให้เข้ามาระงับเหตุ จากนั้น น.ส.ฮานาน ซึ่งเป็นกรรมการองค์การบริหารองค์การนักศึกษาของ ม.อ.ปัตตานี ด้วย ได้แจ้งอาจารย์ และองค์การนักศึกษาทราบ จึงมีการออกแถลงการณ์สรุปเรื่องราวทั้งหมด เรียกร้องให้กระบวนการยุติธรรมจัดการอย่างเป็นธรรม เพราะการกระทำรุนแรงต่อพลเรือนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ จากนั้นได้เผยแพร่แถลงการณ์ทางเฟซบุ๊ค จนเกิดกระแสวิจารณ์อย่างกว้างขวางในพื้นที่ ทั้งยังเข้าแจ้งความกับตำรวจไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งตำรวจได้นำตัว ส.อ.ปรีชา มาสอบสวน
ต่อมาวันพุธที่ 9 ส.ค. พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี (ผบ.ฉก.ปัตตานี) ได้นำตัว ส.อ.ปรีชา มาแถลงข่าวขอโทษที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี โดยเจ้าตัวอ้างว่ามีอาการมึนเมา แต่ไม่ได้เจตนาทำร้ายใคร
"ผมต้องขอโทษนักศึกษาด้วย และขอโทษทุกคน ผมขอยอมรับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมเมา ผมไม่ได้ตั้งใจทำร้ายใคร" ส.อ.ปรีชา กล่าว
ขณะที่ พล.ต.จตุพร บอกว่า ส.อ.ปรีชา อยู่ในช่วงลาพัก และกำลังทะเลาะกับภรรยา จึงบันดาลโทสะ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ ต้องถูกดำเนินการทั้งทางอาญาและวินัย เพราะปฏิบัติตัวขัดกับกฎเหล็กของผู้บังคับบัญชา
"เป็นการกระทำผิดในพื้นที่พิเศษที่มีการประกาศกฎอัยการศึก มีโอกาสที่ศาลจะลงโทษหนักตามประมวลกฎหมายอาญาทหาร นอกจากนี้ยังมีความผิดทางวินัยที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าได้เน้นย้ำเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ ถึงแม้ไม่ได้อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ แต่ยังใช้ชีวิตอยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องรักษากฎเหล็ก 10 ข้อ ที่สำคัญคือห้ามดื่มสุรา ไม่สร้างเงือนไข และให้เกียรติกับประชาชน ไม่ขมขู่ ใช้วาจาไม่สุภาพ อันนี้ถือเป็นความผิดทางวินัย"
พล.ต.จตุพร ย้ำด้วยว่า จะไม่เข้าข้างคนผิด และไม่ข่มขู่ผู้เสียหาย ขอให้สบายใจได้ ส่วนนักศึกษาสาว ได้ให้ พ.อ.ภาคภูมิ นภากาศ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 22 ไปพบผู้หลักผู้ใหญ่ของนักศึกษา เพื่อขออภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น
"มั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีการขมขู่ต่างๆ ไม่มีแน่นอน และได้เรียกผู้การกรมทหารพรานมากำชับแล้ว พร้อมสั่งการกับกำลังทุกหน่วยให้เข้มงวดในเรื่องเหล่านี้ โดยเฉพาะการกำกับดูแลกำลังพลให้อยู่ในวินัย เราเป็นเจ้าหน้าที่ การที่เราพกพาอาวุธ จะอาวุธส่วนตัวหรืออาวุธของราชการก็ถือว่าประชาชนให้เกียรติเราอยู่แล้ว การที่เขาให้เกียติเรา ไม่ใช่ว่าพกพาอาวุธไปไปข่มขู่ใคร แต่พกพาอาวุธเพื่อคุ้มครองประชาชน" ผบ.ฉก.ปัตตานี กล่าว
ด้านพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี ที่รับผิดชอบคดีนี้ บอกว่า ได้ตั้งข้อหา ส.อ.ปรีชา เอาไว้ 4 ข้อหา คือ พยายามฆ่า พกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ ข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัว และทำให้เสียทรัพย์ หลังจากนี้จะนำสำนวนส่งฟ้องศาลทหารต่อไป
----------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : ส.อ.ปรีชา (เสื้อสีส้ม) ยกมือไหว้ขอโทษระหว่างการแถลงข่าวยอมรับผิดกรณีใช้ปืนยิงใส่นักศึกษา โชคดีไม่มีใครบาดเจ็บล้มตาย