หมอเมืองแม่สรวย ภูมิปัญญาพื้นบ้านแพทย์ล้านนา
เชียงราย เป็นพื้นที่ที่มีทุนทางปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ หรือเรียกว่า แพทย์พื้นบ้านแบบล้านนา โดยเฉพาะกลุ่ม “หมอเมือง” และ “สมุนไพร” ประจำถิ่นมีหลากหลายชนิด ทุกภาคส่วนในจังหวัดเล็งเห็นจุดแข็งที่สำคัญของการมีภูมิปัญญาพื้นบ้านแพทย์ล้านนา
แม้แต่การแพทย์สมัยใหม่ก็เปิดใจกว้าง ให้หมอเมืองมีตัวตนในพื้นที่แห่งนี้ นายแพทย์อนิรุทธ์ หอเจริญ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่สรวย จังหวัดเชียงราย หนึ่งในผู้หนุนเสริมระบบสุขภาพภาคประชาชนที่มีหมอเมืองเป็นผู้ดูแลสุขภาพร่วมกับโรงพยาบาลประจำอำเภอ ให้ข้อมูลกับคณะสื่อมวลชนที่ร่วมกิจกรรมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติสัญจร เยี่ยมชมการดำเนินงานของโรงพยาบาลแม่สรวย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเห็นแสดงความเห็นเริ่มต้นว่า แพทย์แผนไทยเป็นภูมิปัญญาดั่งเดิมของประเทศไทยอยู่แล้ว แต่หลังๆ ถูกหลงลืมมานาน เรามีการรักษาก่อนแพทย์ตะวันตกจะเข้ามา โดยเฉพาะการใช้ยาสมุนไพร ที่ถือว่าเป็นอาวุธหลักของศาสตร์ทางด้านนี้
“การแพทย์แผนไทยถูกแทนที่ด้วยการแพทย์สมัยใหม่ เพราะสมัยก่อนสาเหตุการเสียชีวิตไม่เหมือนปัจจุบัน คนในอดีตจะเสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บ โรคติดเชื้อ ทำให้ระบบการรักษาแบบแพทย์ตะวันตก ซึ่งมียารักษาได้ดีกว่า เข้ามาแทนที่”
แต่ปัจจุบัน นพ.อนิรุทธ์ ชี้ว่า สาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อแล้ว แต่กลายเป็นกลุ่มโรค NCDs (Non-Communicable diseases) หรือ กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ เสียมากกว่า ทำให้การรักษาแนวแพทย์แผนไทยถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
ในฐานะที่ปรึกษาแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลแม่สรวย เขามองว่า จังหวัดเชียงรายพื้นที่ค่อนข้างเหมาะในการปลูกพืชสมุนไพร โดยมีพื้นที่ป่าไม้ซึ่งมีความหลากหลายทางชีวภาพ มีความโดนเด่นด้านกายภาพเป็นอย่างมาก ด้วยพื้นที่ 90% เป็นพื้นที่ภูเขาเหมาะสม “เรามีการส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพร กว่า 1,100 ไร่ จำนวน 18 ชนิด อีกทั้งคนในชุมชนก็ได้ประโยชน์จากการส่งเสริมการปลูกป่า ต่อยอดจากอาชีพเก็บของป่าขาย ทำยาสมุนไพรขายได้อีกทางหนึ่ง”
โรงพยาบาลแม่สรวย ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและส่งเสริมการแพทย์แผนไทย มี OPD คู่ขนาน ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงแพทย์แผนไทยได้โดยไม่ต้องผ่านแพทย์แผนปัจจุบันก่อน โดยผู้ป่วยเลือกใช้บริการได้เอง แบบเดินเข้ามาขอรับการรักษาได้เองเลย
การแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลแม่สรวย มีความโดดเด่น โดยเป็นการดูแลคนไข้ร่วมกับแพทย์แผนปัจจุบัน โดยเฉพาะผู้ป่วยกลุ่ม NCDs กับการรับประทานอาหาร นพ.อนิรุทธ์ บอกว่า มีส่วนสัมพันธ์กับโรค และตรงนี้แพทย์แผนไทยมีส่วนร่วมดูแลสุขภาพคนในชุมชนเป็นอย่างมากในการออกแบบดูแลเรื่องอาหาร
รองผอ.โรงพยาบาลแม่สรวย ชี้ว่า การใช้ยาอย่างเดียวกับกลุ่มโรคNCDs นั้น พบว่า ไม่ตอบสนองเท่าที่ควร การใช้การแพทย์แผนไทยร่วมด้วย เราถือเป็นการรักษาร่วมกัน ไม่ขัดแย้งกัน เรามองผลประโยชน์ของผู้ป่วยเป็นหลัก
แม้การแพทย์แผนไทยของโรงพยาบาลแม่สรวย ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นฟู และมีสิ่งที่ต้องทำอีกหลายอย่าง เขาเห็นว่า “วันนี้เราฟังเสียงประชาชนในการดูแลตนเอง การดูแลรักษาแพทย์แผนปัจจุบันเราก็ไม่ได้ยืนยันกับผู้ป่วยว่า รักษาแล้วจะหาย 100% ซึ่งการรักษาทำได้ส่วนหนึ่ง ที่เหลือ คือ การดูแลตนเอง เรายังให้ทางเลือกกับผู้ป่วยในการดูแลรักษา เราการรักษาสามารถควบคุมกันได้ แต่ขออยู่อย่าง โรคติดเชื้อ ขอรักษาแพทย์แผนปัจจุบันก่อน”
นพ.อนิรุทธ์ ระบุด้วยว่า แพทย์แผนไทยวันนี้การรักษาส่วนใหญ่ 90% จะเป็นเรื่องของโครงร่าง เช่น ปวดกล้ามเนื้อ กระดูกทับเส้นประสาท และการให้นมแม่ สมุนไพรกระตุ้นการให้นมแม่ เป็นต้น
"การเข้า OPD แพทย์แผนไทยมี 2 ช่องทาง 1. ตัวแพทย์เป็นคนพิจารณาและส่งไป กับ 2.คนไข้สามารถวอร์คอินเข้ามาเองได้"
ขณะที่นางดารณี อ่อนชมจันทร์ อาจารย์ประจำสาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ สำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และเลขานุการคณะอนุกรรมการสนับสนุนการนำร่องพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพระดับพื้นที่เชียงราย เล่าถึงพัฒนาการการดำเนินงานด้านการแพทย์พื้นบ้านล้านนาและภูมิปัญญาหมอเมือง แบ่งออกเป็น 3 ยุค
คือยุคแรก พ.ศ.2533-2543 ถือเป็นยุคเปิดเผยตัวตนหมอเมืองล้านนา โดยในปี 2533 สำนักงานคณะกรรมการสาธารณสุขมูลฐาน ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล ศึกษาศักยภาพหมอพื้นบ้านกับงานสาธารณสุขมูลฐานใน 4 ภูมิภาค ในส่วนของภาคเหนือจัดที่ จ.เชียงราย และ นพ.ธารา อ่อนชมจันทร์ ผอ.โรงพยาบาลพญาเม็งราย ค้นหาหมอเมืองได้ 135 คน พอถึงช่วงวิกฤติเอดส์ ปี 2539-2542 ก็มีการศึกษาภูมิปัญญาหมอเมืองเพื่อแก้ปัญหาสุขภาพผู้ติดเชื้อ ทำให้เริ่มมีการรวมกลุ่มหมอเมืองเชียงราย พะเยา
ยุคที่ 2 พ.ศ.2544-2553 เป็นยุคแห่งการสร้างความรู้ สร้างคน สร้างเครือข่ายและกลไกสมัชชาสุขภาพจังหวัด ซึ่งในปี 2548 มีการจัดตั้งสภาหมอเมืองล้านนาเชียงราย เป็นนิติบุคคลด้านองค์กรสาธารณประโยชน์ เกิดเครือข่ายหมอเมือง 18 อำเภอ แบ่งเป็น 4 เขต ควบคู่ไปกับการสร้างสังคมสุขภาวะผู้สูงอายุ พัฒนาต้นแบบการจัดการทรัพยากรป่าสมุนไพร และระบบการดูแลสุขภาพพื้นบ้านที่ อ.ป่าแดด
ยุคที่ 3 พ.ศ.2554-ปัจจุบัน หมอเมืองเป็นที่ยอมรับและมีที่ยืนในสังคม จึงเป็นยุคแห่งการพัฒนาตนเอง โดยสภาหมอเมืองเชียงราย ซึ่งมีสมาชิก 670 คน ให้การดูแลสุขภาพในชุมชน ทั้งที่บ้านหมอ บ้านผู้ป่วย และร่วมให้บริการที่โรงพยาบาลชุมชน จนการแพทย์แผนไทย และแพทย์พื้นบ้าน กลายเป็นทางเลือกของการรักษาคู่ขนานไปกับการแพทย์แผนปัจจุบัน รวมทั้งได้ร่วมมือกับศูนย์การศึกษานอกระบบจัดตั้งโฮงเฮียนหมอเมืองเพื่อสืบทอดสู่คนรุ่นใหม่ และพัฒนาต่อยอดตำรับยาสมุนไพร ทำให้ในปี 2559 จ.เชียงรายได้รับการคัดเลือกให้เป็นต้นแบบเมืองสมุนไพรครบวงจรตามแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพร พ.ศ.2560-2564
ส่วนนายพลสินธุ์ เขจร แพทย์แผนไทย หัวหน้ากลุ่มงานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลแม่สรวย ให้ตัวเลขชมรมแพทย์พื้นบ้านแม่สรวย ขณะนี้มีสมาชิกกว่า 20 คน ได้แวะเวียนกันมาให้บริการที่โรงพยาบาลทุกวันอังคารและพฤหัสบดี ส่วนใหญ่จะให้บริการด้าน จับเส้น ย่ำขาง และหมอขวัญ หรือการสู่ขวัญเด็กแรกคลอด โดยหมอเมืองที่จะเข้าไปช่วยงาน ต้องเป็นสมาชิกของชมรมฯ สามารถสื่อสารและวินิจฉัยโรคเบื้องต้นได้
ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลแม่สรวยยังได้ให้การสนับสนุนหมอเมืองในท้องถิ่น โดยการหนุนช่วยชมรมแพทย์พื้นบ้านแม่สรวยให้มีความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง โดยการเข้าไปช่วยร่างแผนพัฒนาแพทย์พื้นบ้านแม่สรวยในระยะเวลา 3 ปี และ 5 ปี มีการนำหมอเมืองไปศึกษาดูงานตามที่ต่างๆ จัดอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับการผลิตสมุนไพร ตั้งแต่ปลูก การเก็บเกี่ยวผลผลิต การแปรรูป รวมถึงการตลาดด้วย
นอกจากนี้ยังสนับสนุนหาแหล่งทุนอื่นๆ เพื่อนำมาพัฒนาชมรม
“แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้ คือพ่อหมอส่วนใหญ่อายุมากๆ กันทั้งนั้น แต่ยังขาดคนรุ่นใหม่มาสานต่อภูมิปัญญา จึงเกรงกันว่าความรู้จะสูญหายไปพร้อมกับหมอเมืองสูงวัยเหล่านี้” หัวหน้ากลุ่มงานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลแม่สรวย แสดงความเป็นห่วง
ขณะที่ นางวิภารัตน์ ทัพขวา หรือ “หมอนาง” ประธานสภาหมอเมือง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เล่าถึงการสืบทอดความเป็น “หมอเมือง” ว่า ในอดีตบิดาเป็นหมอเมือง และมารดาที่จำตำรับยาสมุนไพร นำมาบอกต่อ สมัยก่อนไม่เชื่อ เมื่อเจ็บป่วยก็ไปหาแพทย์แผนปัจจุบัน กระทั่งมารดาเสียชีวิต และมีอาการปวดท้องเรื้อรัง รักษากับแพทย์แผนปัจจุบันไม่หาย ในปี 2542 จึงไปเรียนแพทย์แผนไทย เพื่อหาวิธีรักษาตัวเอง เมื่อโรคไม่หายก็หยุดเรียน ต่อมาได้ตั้งจิตอธิษฐาน ขอขึ้นครูกับหมอชีวกโกมารภัจจ์ บรมครูแห่งการแพทย์แผนโบราณตั้งแต่สมัยพุทธกาล ปรากฏว่าอีก 15 วันต่อมา เกิดแรงบันดาลใจอยากปรุงยา จึงปรุงยาสมุนไพรกิน จนอาการปวดท้องเรื้อรังหาย เพื่อนบ้านทราบข่าวก็ขอเจียดยาไปกิน และหายจากโรคเช่นกัน
ส่วนกลุ่มหมอเมืองหรือหมอพื้นบ้านแม่สรวยนั้น หมอนาง บอกว่า เริ่มมาจากโรงพยาบาลแม่สรวย มีการทำงานร่วมกัน และบางครั้งก็ส่งต่อคนไข้ไปมา เพื่อให้ได้รับการรักษาทั้งแผนปัจจุบัน และแบบพื้นบ้านล้านนา ซึ่งในปี 2547-2548 มีการขึ้นทะเบียน หมอเมืองแม่สรวย รวบรวมได้จำนวน 40 คน ไม่รวมหมอชนเผ่า ทำให้เกิดการรวมกลุ่มกัน และพัฒนาการทำงานมาเรื่อยๆ
ขณะเดียวกันในส่วนของยาสมุนไพร เดิมเน้นต้มดื่มกิน ไม่สะดวกในการพกพา ต้มไว้นานก็บูดเน่า เมื่อจะดื่มก็ต้องอุ่นตลอด จึงมีการพัฒนาด้วยการบดเป็นแคปซูล แต่ทั้งนี้ปริมาณการกินยาย่อมน้อยกว่าดื่มน้ำยาต้ม หมอเมืองจึงจำเป็นต้องรู้จักเลือกส่วนต่างๆ ของสมุนไพร ที่จะให้ฤทธิ์ยาอย่างเข้มข้น เพื่อให้เพียงพอและเหมาะสมกับการรักษาโรคด้วยยาเม็ดหรือยาแคปซูล
และนี่คือตัวอย่าง เชียงรายโมเดลที่โรงพยาบาลของรัฐ ก็เปิดโอกาสให้ “หมอเมือง” ได้แสดงศักยภาพตัวเองในการเป็นผู้ให้บริการส่วนของแพทย์แผนไทย ต้นแบบการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นในระดับพื้นที่
หมอขวัญ
การสู่ขวัญเด็กแรกคลอด
รักษาอาการปวดท้อง
สมุนไพร