หย่าขาดสามี-แต่ยังอยู่บ้านเดียวกัน! เปิดข้อมูลสตง.มัดปมเอื้อปย.คดีนายกฯลำน้ำพองม.44 ล็อต9 (2)
"...นายสมบัติ พูนศักดิ์ไพศาล และนางสาวศิรประภา ไม่ได้หย่าขาดกันจริง เป็นเพราะนอกเหนือจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า นายพงษ์พิพัฒน์ เต็มธนกิจไพศาล รองนายกเทศมนตรีตําบลลําน้ำพอง เป็นบุคคลที่มีชื่ออาศัยอยู่ที่เดียวกันกับที่อยู่ภูมิลำเนาของ นายสมบัติ พูนศักดิ์ไพศาล กรรมการผู้มีอำนาจและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ไทเกอร์คอปเปอร์เรชั่น (2007) จำกัด คือ เลขที่ 99 หมู่ที่ 5 ตำบลน้ำพอง อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น แล้ว ขณะที่ที่อยู่แห่งนี้ ยังถูกใช้เป็นที่ตั้งของ บริษัท ไทเกอร์คอปเปอร์เรชั่น (2007) จำกัด และ นางสาวศิรประภา นายกเทศมนตรีตําบลลําน้ำพอง ก็ยังพักอาศัยอยู่ตามที่อยู่แห่งนี้ด้วย .."
นายสมบัติ พูนศักดิ์ไพศาล กรรมการผู้มีอำนาจและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ไทเกอร์คอปเปอร์เรชั่น (2007) จำกัด และ นางสาวศิรประภา เต็มธนกิจไพศาล นายกเทศมนตรีตําบลลําน้ำพอง อำเภอลำน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น 'หย่าขาด' กันแล้ว
แต่ทำไมสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ยังเชื่อว่าบุคคลทั้ง 2 อาจจะไม่ได้หย่าขาดกันจริง?
และหยิบยกประเด็นนี้ ขึ้นมาใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการตรวจสอบกรณีกล่าวหา นางสาวศิรประภา เต็มธนกิจไพศาล นายกเทศมนตรีตําบลลําน้ำพอง และนายพงษ์พิพัฒน์ เต็มธนกิจไพศาล รองนายกเทศมนตรีตําบลลําน้ำพอง (น้องชายนางสาวศิรประภา) เอื้อประโยชน์ให้กับ บริษัท ไทเกอร์คอปเปอร์เรชั่น (2007) จำกัด ในการเข้าไปรับงานปรับปรุงก่อสร้างถนนและระบบระบายน้ำ จาก บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หลังเกิดข้อพิพากกับทางเทศบาลลำน้ำพอง เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ถนนราชการจนทำให้เกิดความเสียหาย ส่งผลกระทบถึงประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงรอบโรงงาน
ก่อนที่บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) จะแสดงความรับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยการเสนองบประมาณให้เทศบาลตําบลลําน้ำพอง ประมาณ 20 ล้านบาท เพื่อให้นำไปใช้ปรับปรุงถนนและระบบระบายน้ำเพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยมีการทำบันทึกข้อตกลงเป็นทางการ แต่ต่อมาฝ่ายเทศบาลฯ กลับไปแจ้งขอยกเลิกข้อตกลงกับบริษัทฯ ว่า ไม่ต้องสนับสนุนเงินให้กับเทศบาลแล้ว และให้บริษัทน้ำตาลฯ เป็นผู้ดำเนินการเอง โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องจ้างบริษัทเอกชนรายหนึ่ง เข้ามาทำงานให้ ซึ่งต่อมามีการตรวจสอบพบข้อมูลว่า บริษัทเอกชนที่เข้ามารับจ้างงานต่อจากบริษัทน้ำตาลขอนแก่นฯ คือ บริษัท ไทเกอร์คอปเปอร์เรชั่น (2007) จำกัด ซึ่งปรากฎชื่อ นายสมบัติ พูนศักดิ์ไพศาล อดีตสามีนางสาวศิรประภา เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ และผู้ถือหุ้นใหญ่ ตามข้อมูลที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเสนอไปแล้ว (อ่านประกอบ : เอื้อบ.อดีตสามี รับงานบมจ.น้ำตาลฯ? แกะรอยผลสอบคดีนายก-รองฯ เทศบาลลำน้ำพอง ม.44 ล็อต9(1))
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกพบว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้ สตง. เชื่อว่า นายสมบัติ พูนศักดิ์ไพศาล และนางสาวศิรประภา ไม่ได้หย่าขาดกันจริง เป็นเพราะนอกเหนือจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า นายพงษ์พิพัฒน์ เต็มธนกิจไพศาล รองนายกเทศมนตรีตําบลลําน้ำพอง เป็นบุคคลที่มีชื่ออาศัยอยู่ที่เดียวกันกับที่อยู่ภูมิลำเนาของ นายสมบัติ พูนศักดิ์ไพศาล กรรมการผู้มีอำนาจและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ไทเกอร์คอปเปอร์เรชั่น (2007) จำกัด คือ เลขที่ 99 หมู่ที่ 5 ตำบลน้ำพอง อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น แล้ว
ขณะที่ ที่อยู่แห่งนี้ยังถูกใช้เป็นที่ตั้งของ บริษัท ไทเกอร์คอปเปอร์เรชั่น (2007) จำกัด
และ นางสาวศิรประภา นายกเทศมนตรีตําบลลําน้ำพอง ก็ยังพักอาศัยอยู่ตามที่อยู่แห่งนี้ด้วย
โดยในสำนวนการสอบสวนของ สตง. ระบุว่า "การดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน (ถนนสาธารณประโยชน์) ที่อยู่ในการควบคุม กำกับ ดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นั้น เป็นอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และต้องใช้งบประมาณของราชการในการดำเนินการ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะต้องมีการก่อสร้างรื้อถอน ถนนสาธารณะเดิมออกไป อันเป็นการทำลายสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน อันเป็นการริดรอนสิทธิของประชาชนได้เป็นกรณีชั่วคราวตามสมควร เพื่อการจัดการดูแลรักษาไว้ซึ่งประโยชน์ร่วมกันของประชาชน อันเป็นการใช้อำนาจทางปกครองซึ่งเป็นอำนาจของหน่วยงานของรัฐ คือ เทศบาลตำบลลำน้ำพอง และเมื่อดำเนินการก่อสร้างถนนสาธารณประโยชน์เสร็จแล้ว ถนนดังกล่าวจึงเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินอันเป็นการสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
การที่บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) เป็นองค์กรเอกชน จึงไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะเข้าไปดำเนินการดูแลรักษาหรือซ่อมแซมในสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน และไม่มีกฎหมายใดให้อำนาจประชาชน พลเมือง หรือองค์กรเอกชนใดในการดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
ดังนั้น การที่บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) เข้าไปดำเนินการรื้อถอนหรือก่อสร้างถนนอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมมืองใช้ร่วมกัน นั้น จึงไม่มีกฎหมายหรือระเบียบใดกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของเทศบาลตำบลลำน้ำพองที่จะพิจารณาอนุญาต
จากข้อเท็จจริงพิจารณาประกอบกฎหมายและระเบียบแล้วเห็นว่า การที่ นายพงษ์พิพัฒน์ เต็มธนกิจไพศาล รองนายกเทศมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกเทศมนตรีตำบลลำน้ำพอง อนุญาตให้บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ใช้งบประมาณของบริษัทฯ เข้ามาดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงถนนสาธารณะและระบบรางระบายน้ำ ที่เทศบาลตำบลลำน้ำพองมีหน้าที่ดูแลรักษา จึงเป็นการพิจารณาอนุญาตโดยไม่มีกฎหมาย หรือระเบียบใดให้อำนาจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นผู้มีอำนาจอนุญาต
ประกอบกับการพิจารณาอนุญาต เทศบาลตำบลลำน้ำพองมิได้ดำเนินการตรวจสอบแบบรูปรายการละเอียดที่กำหนดในการก่อสร้างว่า บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน)ใช้แบบแปลนที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ แบบแปลนที่บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) กำหนด ส่งผลให้ทางราชการเสียหายหรือไม่ และในระหว่างการดำเนินการก่อสร้างงาน เทศบาลตำบลลำน้ำพองก็ไม่มีการมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของเทศบาลตำบลลำน้ำพอง เข้าควบคุมดูแลกิจการงานก่อสร้าง
และจากการตรวจสอบพบพยานหลักฐานว่า นายพงษ์พิพัฒน์ เต็มธนกิจไพศาล ตำแหน่ง รองนายกเทศมนตรีตำบลลำน้ำพอง เป็นบุคคลมีชื่ออาศัยอยู่ที่เดียวกันกับภูมิลำเนาของนายสมบัติ พูนศักดิ์ไพศาล (เจ้าบ้าน) ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานบริษัท ไทเกอร์ คอปเปอร์เรชั่น (2007) จำกัด โดยมีนางสาวศิรประภา เต็มธนกิจไพศาล ตำแหน่ง นายกเทศมนตรีตำบลลำน้ำพอง และนางสาวกชกร วงษ์พระลับ (กรรมการบริษัท ไทเกอร์ฯ) อาศัยอยู่ในบ้านเลขที่ 99 หมู่ 5 ตำบลน้ำพอง อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น
พฤติการณ์จึงน่าเชื่อว่า การพิจารณาอนุญาตของนายพงษ์พิพัฒน์ รองนายกเทศมนตรีตำบลลำน้ำพอง ที่อนุญาตให้บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) เข้าดำเนินการก่อสร้างและหรือใช้ทางสาธารณประโยชน์ จึงเข้าข่ายเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท ไทเกอร์ คอปเปอร์เรชั่น (2007) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทฯ สามีของนายกเทศมนตรีตำบลลำน้ำพอง
ทั้งนี้ แม้ปัจจุบันนายสมบัติ และนางสาวศิรประภา ได้จดทะเบียนหย่าร้างกันแล้วก็ตาม แต่จากการตรวจสอบเอกสารทะเบียนบ้าน พบว่า นางสาวศิรประภา ยังมีรายชื่ออาศัยอยู่ในบ้านเลขที่เดียวกับนายสมบัติ พฤติการณ์ข้อเท็จจริงทางพฤตินัย จึงน่าเชื่อว่า นายสมบัติ และนางสาวศิรประภา ยังเป็นสามีภรรยากันอยู่ตามเดิม
ดังนั้น การที่นางสาวศิรประภา เต็มธนกิจไพศาล ไม่ดำเนินการติดตามประสานข้อมูล และหรือแสดงเจตนากับบริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อนำมาดำเนินการจัดจ้างตามขั้นตอนระเบียบราชการที่กำหนด และทราบในข้อเท็จจริงที่นายพงษ์พิพัฒน์ เต็มธนกิจไพศาล ได้พิจารณาอนุญาตให้บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) เข้าดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงถนนและระบบระบายน้ำเอง นั้น ในฐานะที่นางสาวศิรประภา เป็นผู้บริหารเทศบาลตำบลลำน้ำพองที่มีอำนาจหน้าที่บริหารงานราชการตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงมีหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการประสานงานกับบริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ในการขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการปรับปรุงถนนและระบบระบายน้ำสายทางเข้าหมู่บ้านกุดน้ำใสน้อย หมู่ที่ 10 เพื่อนำงบประมาณมาจัดจ้างตามระเบียบราชการที่ทางราชการกำหนด
แต่นายกเทศมนตรีตำบลลำน้ำพองก็มิได้สั่งการให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำแบบรูป รายการละเอียด และข้อกำหนดถอดแบบแปลน และประมาณราคางานโครงการปรับปรุงถนนและระบบระบายน้ำสายทางเข้าหมู่บ้านกุดน้ำใสน้อย หมู่ที่ 10 เพื่อนำเป็นข้อมูลแจ้งให้บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ทราบถึงงบประมาณในการก่อสร้างปรับปรุงถนนและระบบระบายน้ำดังกล่าว และมอบเงินสนับสนุนงบประมาณให้เทศบาลตำบลลำน้ำพอง ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบราชการที่กำหนด
พฤติการณ์จึงถือเป็นการละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้บริหารเทศบาลตำบลลำน้ำพองที่พึงกระทำ ประกอบกับนางสาวศิรประภาฯ นายกเทศมนตรีตำบลลำน้ำพองในฐานะผู้ที่มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายโดยไม่ขัดต่อกฎหมายและรับผิดชอบในการบริหารราชการของเทศบาลให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ เทศบัญญัติ และนโยบายสั่งการอนุญาต และอนุมัติเกี่ยวกับงานราชการของเทศบาลและไม่ต้องดำเนินกิจการใดอันขัดต่อประโยชน์ส่วนบุคคล และประโยชน์ส่วนรวมและรวมถึงการดำเนินกิจการของคู่สมรส หรือบุคคลในครอบครัวไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม กรณีการกระทำต่างๆ ของเจ้าหน้าที่ของรัฐและคู่สมรสที่จะต้องห้ามกระทำ หรือห้ามดำเนินกิจการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่างด้วยการป้องกันและปราบปรามทารทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 100 ได้กำหนดห้ามไว้
และส่งเรื่องนี้ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับเรื่องไปตรวจสอบตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2560 ได้ติดต่อไปยัง นายสมบัติ เพื่อขอให้ชี้แจงข้อเท็จริงกรณีนี้ ตามเบอร์โทรศัพท์ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าคือ 081-717-91xx นายสมบัติ กล่าวเพี่ยงสั้นๆ ว่า "ขอดูก่อน แล้วจะติดต่อกลับมาอีกครั้ง"
หมายเหตุ : ภาพเรื่องประกอบจาก Circlecamp