นายกฯปากีฯลาออกเซ่นพิษคอร์รัปชัน
องค์คณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดปากีสถาน ในกรุงอิสลามาบัด ลงมติเอกฉันท์ว่านายนาวาซ ชาริฟ ขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรีปากีสถาน ด้วยข้อกล่าวหาการพัวพันคอร์รัปชัน ส่งผลให้ต่อมานายชาริฟตัดสินใจแถลงผ่านโฆษก ประกาศขอลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในทันที เพื่อเคารพต่อกฎหมายและอำนาจตุลาการ แม้ส่วนตัวจะมองว่าเป็นเรื่องไม่ยุติธรรม
เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2560สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การลาออกครั้งนี้มีขึ้นหลังพรรคฝ่ายค้านเตห์รีค อี อินซาฟ ของนายอิมรัน ข่าน อดีตนักคริกเก็ตชื่อดังของปากีสถาน เป็นหัวหอกผลักดันให้ตรวจสอบสมาชิกครอบครัวของนายกรัฐมนตรีชาริฟ สืบเนื่องจากปี 2559 เกิดการรั่วไหลของข้อมูลบริษัทกฎหมายมอสแซค ฟอนเซกาในปานามา หรือที่เรียกกันว่า “ปานามา เปเปอร์ส” แสดงให้เห็นการทำธุรกรรมการเงินในต่างแดนของบุคคลสำคัญทั่วโลก รวมทั้งครอบครัวนายชาริฟ ซึ่งพบว่ามีการใช้เงินมหาศาล ซื้ออสังหาริมทรัพย์หลายแห่งในกรุงลอนดอนของอังกฤษ
ทำให้ต่อมาเดือน เม.ย.2560 ศาลสูงสุดสั่งให้มีการตรวจสอบรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม จนในที่สุดต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ทีมสืบสวนของกองทัพและพลเรือนได้พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่า รายรับกับรายจ่ายครอบครัวนายชาริฟไม่สอดคล้องกัน ซึ่งหลักฐานชุดใหม่ดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจอย่างมากแก่สาธารณชน ขณะที่พรรครัฐบาล
พีเอ็มแอลเอ็น ของนายชาริฟ ยืนยันว่าเงินรายจ่ายของครอบครัวนายชาริฟเป็นเงินจากธุรกิจครอบครัวในปากีสถานและภูมิภาคตะวันออกกลาง
อย่างไรก็ตาม ด้วยความไม่ชอบมาพากลดังกล่าว ส่งผลให้องค์คณะผู้พิพากษาศาลสูงสุด ลงมติในวันที่ 28 ก.ค. ว่านายชาริฟขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมขอให้สำนักงานต่อต้านคอร์รัปชันปากีสถานยื่นฟ้องข้อกล่าวหาคอร์รัปชันแก่นายชาริฟ พร้อมลูกชายและลูกสาวอีก 3 คนด้วย ฐานปกปิดทรัพย์สิน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานด้วยว่า สำหรับนายกรัฐมนตรีที่จะมาแทนนายชาริฟ จะมาจากการลงมติในสภา ซึ่งพรรครัฐบาลพีเอ็มแอล-เอ็นของนายชาริฟครองเสียงข้างมาก ท่ามกลางการคาดการณ์ว่ารัฐบาลอาจตั้งนายกรัฐมนตรีรักษาการดำรงตำแหน่ง ไปก่อนหลายสัปดาห์ จากนั้นจึงลงมติตั้งนายชาห์ บาซ ชาริฟ น้องชายนายชาริฟ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ อนึ่ง นายนาวาซ ชาริฟ เคยถูกปลดจาก ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาแล้วเมื่อปี 2536 ด้วยข้อกล่าวหาพัวพันคอร์รัปชันเช่นกัน