คู่ขัดแย้งสงครามกลางเมืองลิเบียตกลงหยุดยิง
ผู้นำรัฐบาลเอกภาพลิเบียและผู้บัญชาการกองกำลังอิสระเห็นชอบให้มีการหยุดยิงทั่วประเทศ และเตรียมการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ในปีหน้า ในการเจรจาร่วมกันที่กรุงปารีส
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ว่านายกรัฐมนตรีฟาเยซ อัล-ซาร์ราจ ผู้นำรัฐบาลเอกภาพลิเบียที่ได้รับการรับรองจากสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ซึ่งควบคุมพื้นที่ทางตะวันตกของประเทศ และพล.อ.คาห์ลีฟา ฮัฟตาร์ ผู้บัญชาการกองกำลังอิสระที่ได้รับความสนับสนุนจากอียิปต์ และยึดครองภาคตะวันออกของลิเบีย พบหารือกันที่กรุงปารีส เมื่อวันอังคาร โดยมีประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ทำหน้าที่ผู้ไกล่เกลี่ย และนายกัสซัม ซาเลเม ทูตพิเศษด้านกิจการลิเบียของยูเอ็น เข้าร่วมการประชุมด้วย
หลังเสร็จสิ้นการหารือ เซอร์ราจและพล.อ.ฮัฟตาร์มีแถลงการณ์ร่วมกัน 10 ข้อ มีสาระสำคัญเป็นการยอมรับว่าการเจรจาตามวิธีการทูตและการเมืองเท่านั้นที่จะสามารถยับยั้งวิกฤติสงครามกลางเมืองในประเทศได้ โดยทั้งสองฝ่ายจะขอเริ่มต้นจากการหยุดยิงร่วมกันเป็นอย่างแรก เพื่อนำไปสู่การยุติความรุนแรงในระยะยาว ตามด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรมและการบูรณาการกลุ่มนักรบในประเทศ ให้กลายสภาพเป็น "กองกำลังถูกกฎหมาย"
ด้านมาครงกล่าวว่าสันติภาพและเสถียรภาพในลิเบียเป็นสิ่งสำคัญสำหรับยุโรป ซึ่งกำลังพยายามอย่างหนักในการชะลอคลื่นผู้อพยพข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่ส่วนใหญ่เดินทางมาจากแอฟริกาเหนือ โดยเฉพาะลิเบีย ขณะเดียวกัน ผู้นำฝรั่งเศสวัย 39 ปี นำซาร์ราจและพล.อ.ฮัฟตาร์ ให้จับมือและยิ้มให้กันกันต่อหน้าสื่อมวลชนด้วย ซึ่งถือเป็นภาพที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าทั้งสองฝ่ายยังตกลงกันไม่ได้ในประเด็นการจัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่สืบเนื่องมาจากการเจรจาเมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา ที่กรุงอาบูดาบี เมืองหลวงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) แต่มาครงยืนยันว่า "จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า"
ทั้งนี้ ลิเบียตกอยู่ในสภาพไร้ขื่อแปและแทบกลายเป็นรัฐล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ที่เป็นผลจากการประท้วงต่อต้านอำนาจของพ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมเมื่อปี 2554 โดยรัฐบาลสหรัฐในยุคของประธานาธิบดีบารัค โอบามา และรัฐบาลฝรั่งเศสในสมัยประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ร่วมกันแสดงบทบาททางทหารในลิเบียอย่างมาก