โทษ 2 เท่า "พล.ท.มนัส-โกโต้ง" พัวพันค้ามนุษย์
19 ก.ค.60 ศาลได้มีคำพิพากษาคดีประวัติศาสตร์คดีหนึ่งของเมืองไทย คือ คดีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา ซึ่งมีผู้ต้องหาถูกออกหมายจับถึง 153 คน ในจำนวนนี้ถูกจับกุมได้ และถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลจำนวน 103 คน เสียชีวิตระหว่างการพิจารณาคดี 1 คน จึงมีจำเลยทั้งสิ้น 102 คนรอฟังคำพิพากษา
จำเลยที่ได้รับความสนใจมากที่สุด คือ พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิ กองทัพบก ซึ่งเป็นนายทหารยศนายพลเพียงคนเดียวที่ถูกดำเนินคดี และ นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือ "โกโต้ง" ที่มีตำแหน่งเป็นถึงอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล
คดีนี้อยู่ในเขตอำนาจศาลอาญาแผนกคดีค้ามนุษย์ แต่เนื่องจากจำเลยมีจำนวนมาก พฤติการณ์ความผิดของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ทำให้ศาลต้องใช้เวลาตลอดทั้งวันในการอ่านคำพิพากษา มีการหยุดพักการอ่านและพักรับประทานอาหารทั้งช่วงกลางวันและเย็น โดยนอกจากญาติของจำเลยทั้งหมดที่มารอลุ้นฟังคำพิพากษาแล้ว ยังมีสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศไปติดตามรายงานข่าวจำนวนมากจนแน่นห้องที่ศาลจัดเตรียมเอาไว้
คดีนี้พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยจำนวน 103 คน บางส่วนเป็นผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น 7 ราย เจ้าพนักงานปกครอง 2 ราย ข้าราชการตำรวจ 4 ราย ข้าราชการทหาร 2 ราย และพยาบาลวิชาชีพ 1 ราย ในความผิดต่อพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณาผ่านล่ามภาษาโรฮิงญา เบงกาลี และเมียนมา สำหรับจำเลยที่ไม่เข้าใจภาษาไทย ในระหว่างพิจารณาจำเลย 1 รายที่ป่วยด้วยโรคร้ายถึงแก่ความตาย และศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยรายนี้ไปก่อนแล้ว
สำหรับจำเลยคนสำคัญคนแรก คือ นายปัจจุบัน หรือ โกโต้ง อดีตนายก อบจ.สตูล เป็นจำเลยที่ 29 ศาลเชื่อว่ามีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์โรฮิงญา ตั้งแต่รับแรงงานชาวโรฮิงญาจากทะเลไปขึ้นฝั่งที่จังหวัดสตูล, ส่งแรงงานไปพักไว้ในแคมป์, เมื่อแรงงานเสียชีวิต ก็ยังนำผ้าไปห่อศพและฝังดิน โดยผู้เสียหายซึ่งเป็นชาวโรฮิงญาทั้งหมด ระบุตัว นายปัจจุบัน ได้เป็นอย่างดี เพราะมีชื่อที่เรียกกันจนติดปากว่า "บิ๊กบอส"
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งหมดแล้ว เห็นว่าการกระทำของนายปัจจุบัน หรือ โกโต้ง เป็นความผิดฐานเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ร่วมกันค้ามนุษย์ทั้งที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และที่อายุเกิน 15 ปี ร่วมกันนำพาชาวต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร และให้ที่พักพิงชาวต่างด้าว ซึ่งนายปัจจุบันขณะกระทำผิดถือเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ต้องระวางโทษเป็น 2 เท่าของความผิดนั้น รวมโทษจำคุก 75 ปี
จำเลยสำคัญอีกคนหนึ่ง คือ พล.ท.มนัส คงแป้น จำเลยที่ 54 อดีตผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนแยกที่ 1 ระนอง ศาลเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของ พล.ท.มนัส เกี่ยวพันกับการผลักดันชาวโรฮิงญาออกนอกประเทศ แต่กลับมีหลักฐานรับโอนเงินจากจำเลยคนอื่นๆ ในคดีนี้ถึง 65 ครั้ง รวมกว่า 14 ล้านบาท แม้ พล.ท.มนัส จะต่อสู้ว่าเป็นเงินที่ได้จากการพนันและซื้อขายวัวชน แต่ไม่หลักฐานเป็นเอกสารยืนยัน จึงถือว่ากระทำความผิด ได้รับผลประโยชน์ที่เชื่อมโยงกับขบวนการค้ามนุษย์ ทั้งยังอาศัยอำนาจหน้าที่ในการคุ้มครองดูแลผู้กระทำความผิดในการค้ามนุษย์ไม่ให้ถูกจับกุม การกระทำทั้งหมดนี้จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันค้ามนุษย์ และมีส่วนร่วมเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ อีกทั้งขณะกระทำความผิดยังเป็นเจ้าพนักงาน จึงต้องระวางโทษ 2 เท่าเช่นกัน รวมโทษจำคุก 27 ปี
สรุปภาพรวมของคดี ศาลได้อ่านคำพิพากษาลงโทษจำเลย 62 รายในฐานความผิดต่างกัน โดยให้ลงโทษจาคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 94 ปี ทั้งนี้ โทษของจำเลยใดที่รวมทุกกระทงเข้าแล้วเกินกว่า 50 ปี ให้ลงโทษจำคุกจำเลยนั้นมีกำหนด 50 ปี
สำหรับคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา เริ่มขึ้นเมื่อมีการพบสุสานและศพชาวโรฮิงญาจำนวนมากบนเทือกเขาแก้ว บ้านตะโละ หมู่ 8 ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนรอยต่อระหว่างไทยกับมาเลเซีย เมื่อวันที่ 1 พ.ค.58 จึงมีการสะสางคดีและออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องถึง 153 คน มีทั้งนักธุรกิจ นักการเมืองท้องถิ่นในภาคใต้ รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐ และนายทหาร
ต่อมาเมื่อวันที่ 30 ก.ย.58 ได้มีการสรุปสำนวนคดีพร้อมความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด และนำสำนวนส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ปีเดียวกัน จากนั้นวันที่ 9 ต.ค.ศาลจังหวัดนาทวีได้อ่านคำสั่งประธานศาลฎีกาให้โอนย้ายคดีค้ามนุษย์คดีนี้ ไปยังศาลอาญาแผนกคดีค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นแผนกที่ได้เปิดขึ้นใหม่ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และความต่อเนื่องในการดำเนินคดี
สำหรับความเคลื่อนไหวอื่นๆ เกี่ยวกับคดี มีรายงานจากตำรวจภูธรภาค 9 ว่า ยังคงติดตามจับกุมตัวผู้ที่ถูกออกหมายจับในคดีค้ามนุษย์โรฮิงญาอีก 45 หมาย ซึ่งยังอยู่ระหว่างการหลบหนี โดยยืนยันว่าไม่มีการละเลย แต่ผู้ต้องหากลุ่มนี้เป็นคนต่างด้าว และหลบหนีออกนอกประเทศหลังเกิดเหตุ ทำให้ค่อนข้างยากในการติดตามจับกุม
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงอารมณ์ฉุนเฉียวกับสื่อ หลังจากมีผู้สื่อข่าวไปสอบถามถึงคดีค้ามนุษย์ที่มีนายทหารยศพลโทเข้าไปเกี่ยวข้อง จะกระทบกับภาพลักษณ์ของกองทัพหรือไม่ ปรากฏว่า นายกฯตอบว่า "ไอ้มนัสเพียงคนเดียว จะทำให้กองทัพเจ๊งเลยหรืออย่างไร"
---------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : เจ้าหน้าที่คุมตัวจำเลยคดีค้ามนุษย์จากเรือนจำ ไปที่ศาลอาญาเพื่อรอฟังคำพิพากษา