ตั้งคกก.สอบสวนวินัยร้ายแรง "ผอ.รร.สามเสนฯ"
ตั้งคกก.สอบสวนวินัยร้ายแรง "ผอ.รร.สามเสนวิทยาลัย" หลังพบชี้มูลความผิด รับเงินแลกที่นั่ง เหตุทำในช่วงห้ามระดมทรัพยากร ไม่ออกใบเสร็จ พร้อมย้ำไม่กระทบต่อเด็ก
จากการประชุมสืบข้อเท็จจริงกรณีการเผยแพร่คลิป ผอ.โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย รับเงิน 4 แสนบาท เพื่อแลกที่นั่งเรียนชั้น ม. 1 นั้น
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า จากการสืบข้อเท็จจริง พบว่า น่าจะมีความผิดชัดเจน จึงสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย และให้ไปตรวจสอบเรื่องการรับเงินบริจาค รวมถึงการรับนักเรียนผู้ทำคุณประโยชน์ของโรงเรียนต่าง ๆ ด้วย ซึ่งสพฐ.มีระเบียบชัดเจนว่า การรับเงินบริจาคห้ามทำในช่วงที่มีการรับนักเรียน และในการรับเงินนั้นมีการออกใบเสร็จให้หรือไม่ โดยสพฐ. ไปตรวจสอบว่า มีเหตุการณ์ ลักษณะดังกล่าว เกิดขึ้นในโรงเรียนอื่นหรือไม่ ส่วนเรื่องการรับนักเรียนผู้คุณประโยชน์ กรณีของโรงเรียนสามเสนฯ ก็มีการระบุชัดเจนว่า ต้องทำคุณประโยชน์อย่างต่อเนื่อง
"ย้ำมาตลอดว่า เรื่องนี้ต้องมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน และการรับเด็กคนนั้น ๆ ต้องตรงตามหลักเกณฑ์จริง ๆ ไม่ใช่บริจาคเงินครั้งเดียว ก็เข้าเกณฑ์แล้ว เพราะฉะนั้นขอให้ทำทุกอย่างตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด อย่าเอาเรื่องการรับเงินบริจาคมาอ้าง อย่างไรก็ตาม สำหรับเด็กที่เข้าเรียนไปแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่มีผลกระทบแน่นอน" รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
ด้าน นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่าคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง ได้รวบรวมข้อมูลและหลักฐานจากผู้ร้องเรียนต่างๆ พบว่า มีมูลความผิดจริง เพราะนโยบายของสพฐ.ในแนวปฎิบัติเรื่องการรับนักเรียนนั้นห้ามให้มีการเรียกระดมทรัพยากรระหว่างการรับนักเรียน แต่จากการตรวจสอบคลิปพบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคลิปอยู่ในวันที่ 19 เม.ย.ซึ่งเป็นช่วงที่ห้ามระดมทรัพยากร และไม่ได้มีการออกใบเสร็จ แต่มาออกย้อนหลังให้ในวันที่ 20 มิ.ย. ซึ่งถือว่าผิดระเบียบกระทรวงการคลังเกี่ยวกับเรื่องการรับเงิน ดังนั้นจึงเท่ากับว่านายวิโรฒ สำรวล ผอ.โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย เข้าข่ายกระทำความผิดจริง ซึ่งที่ประชุมมีข้อสรุปให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง โดยคำสั่งดังกล่าวสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) กทม.เขต 1 จะเป็นผู้ดำเนินการเสนอเรื่องให้ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงต่อไป
ทั้งนี้ ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ นายวิโรฒได้เข้ามาชี้แจงข้อกล่าวหาด้วย แต่เมื่อโดนตั้งสอบสวนวินัยร้ายแรง จะมีผลออกมา 3 กรณี คือ 1.สอบสวนแล้วไม่พบความผิด 2.สอบสวนแล้วพบความผิดจริงต้องโดนปลดออกหรือไล่ออก และ3.สอบสวนพบมีความผิดจริงแต่ไม่ร้ายแรง ส่วนประเด็นที่ นายวิโรฒ ยังมีอำนาจสั่งการในโรงเรียนได้อยู่นั้น เมื่อคำสั่งดังกล่าวออกแล้ว สพฐ.จะพิจารณาโยกนายวิโรฒ ออกจากพื้นที่ทันที ซึ่งอาจจะเข้ามาช่วยราชการในส่วนกลางก็ได้ สำหรับกรณีที่มีศิษย์เก่ามายื่นข้อมูลลับรายชื่อนักเรียน ชั้นม.1 ที่ทางโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยรับเพิ่มอีกกว่า 50 คน ซึ่งระบุว่านอกเหนือจาก 60 คนที่เป็นการรับโดยเงื่อนไขพิเศษนั้น เรื่องนี้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้ตรวจสอบแล้วไม่พบเด็กที่ไม่ได้เข้าสอบเข้ามาปะปนในรายชื่อกับเด็กที่โรงเรียนประกาศรายชื่อมีสิทธิ์เข้าเรียนม.1 จำนวน 492 คน ทั้งนี้หากหลักฐานพบเชื่อมโยงไปถึงบุคคลใดก็จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วยเช่นกัน
“รมว.ศึกษาธิการ ได้ย้ำให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างโปร่งใสและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากมีความผิดจริงก็ให้ดำเนินการ เพราะเรื่องนี้สังคมให้ความสนใจ และคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นต้องมีความกลางเป็นด้วย” นายการุณ กล่าวและว่า
อย่างไรก็ตาม การรับนักเรียนปีการศึกษา 2561 สพฐ.จะกำชับให้โรงเรียนทุกแห่งดำเนินการตามแนวปฎิบัติรับนักเรียนของ สพฐ.อย่างเคร่งครัด