11 วันทหารเจอบึ้ม 11 ครั้ง...เรื่องฉาวกำลังพล หรือกวาดล้างอิทธิพล-ยาเสพติด?
พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยามนี้ต้องบอกว่าปั่นป่วนอย่างหนัก เนื่องจากกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเปิดปฏิบัติโจมตีด้วยวัตถุระเบิดและอาวุธสงครามถี่ยิบทุกวัน โดยมีเป้าหมายชัดเจนอย่างยิ่งคือ "ทหาร" ทั้งทหารหลัก และทหารพราน
ศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา ไล่เรียงสถิติอันน่าตกใจในห้วงตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ.จนถึง 9 วันแรกของเดือน มี.ค.2555 รวม 11 วัน พบว่าเกิดเหตุโจมตีกำลังพลของทหารด้วยวิธีการต่างๆ โดยเฉพาะลอบวางระเบิดมากถึง 11 ครั้ง มีกำลังพลเสียชีวิต 8 นาย บาดเจ็บ 25 นาย ไม่นับประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่มีทั้งตกเป็นเป้าหมายและถูกลูกหลงอีกจำนวนมาก
9 มี.ค.คนร้ายใช้อาวุธสงครามและเครื่องยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม 79 ยิงถล่มฐานปฏิบัติการของทหาร 2 จุด ในพื้นที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 12 นาย ส่วนใหญ่อาการสาหัส
7 มี.ค.คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดชุดปฏิบัติการลาดตระเวนเส้นทางของกองร้อยทหารราบที่ 15321 (ร้อย.ร.15321) หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ทำให้กำลังพลเสียชีวิต 5 นาย
วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดชุดปฏิบัติการลาดตระเวนเส้นทาง สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4413 (ร้อยทพ.4413) หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 บนถนนชนบทบ้านโต๊ะซา หมู่ 4 ต.ท่าน้ำ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี แรงระเบิดทำให้กำลังพลเสียชีวิต 1 นายและได้รับบาดเจ็บ 1 นาย
6 มี.ค.คนร้ายลอบจุดชนวนระเบิดที่วางซุกไว้ในกองขยะริมถนนเพื่อดักสังหารทหารชุดลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยครู สังกัดหน่วยเฉพาะกิจยะลา 13 ขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่บนถนนในหมู่บ้านกูวา หมู่ 1 ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง จ.ยะลา แรงระเบิดทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 1 นาย เสียชีวิต 1 นาย
5 มี.ค.คนร้ายไม่ทราบจำนวนจุดชนวนระเบิดใกล้กับตลาดสดบ้านตาบา หมู่ 1 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ชาวบ้านเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีก 3 ราย
2 มี.ค.คนร้ายลอบวางระเบิดดักสังหารทหารพราน บริเวณถนนทางเข้าหมู่บ้าน ท้องที่หมู่ 4 บ้านกระหวะ ต.กระหวะ อ.มายอ จ.ปัตตานี ทำให้ทหารพรานเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 1 นาย
1 มี.ค.คนร้ายปาระเบิดถล่มร้านก๋วยเตี๋ยวในเขตเทศบาลตำบลรือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย ทั้งครู นักเรียนอนุบาล ชาวบ้าน และตำรวจ
วันเดียวกันยังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดอีก 2 จุด ที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ทหารบาดเจ็บ 2 นาย และที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ทำให้ทหารพรานได้รับบาดเจ็บ 1 นาย
กลางดึกคืนวันที่ 29 ก.พ.ต่อเนื่องวันที่ 1 มี.ค.คนร้ายลอบวางระเบิดเพลิงและวางเพลิง 6 จุดใน 3 อำเภอของ จ.ปัตตานี ทั้ง อ.เมือง อ.โคกโพธิ์ และ อ.สายบุรี เป้าหมายมีทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านมินิมาร์ท โรงงานไม้ยางพารา และสำนักงานแขวงการทาง
29 ก.พ.เช่นกัน คนร้ายลอบวางระเบิดชุดปฏิบัติการลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยครู (รปภ.ครู) ซึ่งเป็นกำลังพลของกองร้อยทหารราบที่ 7024 หน่วยเฉพาะกิจยะลา 15 ขณะออกลาดตระเวนเดินเท้าบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 ท้องที่บ้านเจาะบันตัง หมู่ 9 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
28 ก.พ.คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดดักสังหารกำลังพลของหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 33 ขณะนั่งรถบรรทุกหกล้อเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ก่อสร้างจากค่ายจุฬาภรณ์เพื่อไปปรับปรุงฐานปฏิบัติการแห่งใหม่ที่บ้านฮูแตยือลอ หมู่ 6 ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส โดยคนร้ายฝังระเบิดไว้บริเวณคอสะพานข้ามคลองชลประทาน บ้านฮูแตยือลอ แรงระเบิดทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย
เรื่องฉาวกำลังพล...ต้นเหตุความรุนแรง?
จากเหตุการณ์ที่ทหารถูกโจมตีถี่ยิบดังกล่าว ซึ่งแม้กำลังพลของทหารจะตกเป็นเป้าหมายอยู่แล้ว แต่การที่ถูกประทุษร้ายบ่อยครั้งขนาดนี้ ทั้งๆ ที่สถานการณ์ไฟใต้ดำเนินมานานกว่า 8 ปี และมีฐานทหารกระจายอยู่แทบทุกพื้นที่ ทำให้เกิดคำถามถึงสาเหตุที่ทำให้สถานการณ์กลับมาปะทุรุนแรง
ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นของประชาชน นักวิชาการ และกลุ่มองค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ สามารถประมวลสาเหตุได้ 3 ประการ กล่าวคือ
1.กลุ่มก่อความไม่สงบพุ่งเป้าทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐที่ถืออาวุธ ซึ่งเป็นยุทธการที่ฝ่ายขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนกำหนดยุทธวิธีเอาไว้ในปีนี้ เพื่อโหมสถานการณ์ให้เห็นว่าฝ่ายความมั่นคงยังไม่สามารถคุมพื้นที่ได้อย่างแท้จริง และเพื่อกดดันมวลชนให้หันมาสนับสนุนฝ่ายขบวนการ เนื่องจากที่ผ่านมางานมวลชนของทหารและข้าราชการหน่วยงานต่างๆ สัมฤทธิ์ผลมากพอสมควร ประกอบกับการก่อเหตุรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา มีกลุ่มอื่นสร้างสถานการณ์ผสมโรง เช่น กลุ่มอิทธิพลเถื่อน นักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งหลายครั้งเป้าหมายกลายเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ เด็ก และผู้หญิง ทำให้ฝ่ายขบวนการเสียแนวร่วมไปไม่น้อย
2.เรื่องราวฉาวโฉ่ซึ่งเป็นที่ครหาของกำลังพลหลายหน่วย กลายเป็นเงื่อนไขให้ฝ่ายขบวนการสามารถปลุกระดมแนวร่วมได้มากขึ้น และฉวยจังหวะก่อเหตุรุนแรงเพื่อสร้างสถานการณ์ได้มากกว่าเดิม
เรื่องฉาว 2 กรณีสำคัญ ก็คือ เหตุการณ์ทหารพรานกองร้อย 4302 ยิงรถกระบะต้องสงสัยขณะออกติดตามไล่ล่าคนร้ายที่ใช้อาวุธสงครามยิงฐานทหาร ทำให้มีชาวบ้านเสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บอีก 4 ราย ที่ ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อค่ำวันที่ 29 ม.ค.2555 ซึ่งจนถึงปัจจุบันผลการสอบสวนทั้งข้อเท็จจริงและคดีอาญาก็ยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร
อีกเรื่องหนึ่งคือ เหตุการณ์พลทหารประจำการของหน่วยเฉพาะกิจแห่งหนึ่งใน จ.ปัตตานี กระทำอนาจารและล่วงละเมิดทางเพศเด็กสาวมุสลิม แล้วใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปวีดีโอเอาไว้ กรณีนี้แม้จะมีการแจ้งความดำเนินคดีอาญา และคุมขังพลทหารทั้งสองนายไว้ในเรือนจำจังหวัดทหารบกปัตตานีแล้ว แต่ก็เป็นเหตุการณ์ที่กระทบต่อความรู้สึกของพี่น้องมุสลิมในพื้นที่อย่างมาก ประกอบกับเด็กสาวที่ถูกล่วงละเมิด เป็นนักเรียนของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามชื่อดังในพื้นที่ด้วย ทำให้บานปลายเกิดกระแสการโจมตีกำลังพลของทหารที่ก่อปัญหาชู้สาวกับหญิงมุสลิมในพื้นที่ ซึ่งเป็นประเด็นที่สร้างความไม่พอใจให้กับคนในท้องถิ่นมานานหลายปีแล้ว
3.ปัญหายาเสพติดและอิทธิพลเถื่อน ชาวบ้านบางกลุ่มให้ข้อมูลว่ามีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันระหว่างกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด กลุ่มผู้ติดยาเสพติด และกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่ กับสมาชิกกลุ่มติดอาวุธของขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนบางราย ทำให้กลุ่มเหล่านี้จับมือกันสร้างสถานการณ์ผสมโรง เพื่อตอบโต้ปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของแม่ทัพภาคที่ 4 คนปัจจุบัน
ทหารชี้ปราบยา-จับแก๊งอิทธิพลทำให้โดนโต้หนัก
ข้อสังเกตของชาวบ้านบางกลุ่มต่อประเด็นที่เกี่ยวกับการกวาดล้างยาเสพติดและกลุ่มอิทธิพลเถื่อนในพื้นที่ สอดคล้องกับคำชี้แจงของฝ่ายความมั่นคงที่ประเมินว่าสถานการณ์ร้ายในช่วงนี้เป็นผลมาจากปฏิบัติการถอนรากถอนโคนธุรกิจมืดที่หล่อเลี้ยงหลากหลายขบวนการในพื้นที่ชายแดนใต้มาเนิ่นนาน
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส อธิบายถึงสภาพการณ์จริงในพื้นที่หลังเกิดเหตุลอบวางระเบิดทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 จนกำลังพลเสียชีวิตถึง 5 นาย ว่า ในพื้นที่มียาเสพติดเยอะ และระยะหลังฝ่ายทหารก็รับภารกิจปราบยาเสพติดด้วยตามนโยบายของแม่ทัพ รวมทั้งการกวาดล้างกลุ่มผู้ค้าน้ำมันเถื่อน เมื่อจับกุมได้ก็ส่งให้ตำรวจดำเนินคดี ซึ่งในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมามีการจับกุมเยอะมาก จึงเป็นเหตุให้ฝ่ายทหารถูกตอบโต้ด้วยความรุนแรง
"จริงๆ แล้วธุรกิจผิดกฎหมายสร้างเม็ดเงินจำนวนมหาศาล และเอื้อกันทุกฝ่าย ทั้งขบวนการก่อความไม่สงบ กลุ่มผู้ค้าน้ำมันเถื่อน และผู้ค้ายาเสพติด เมื่อถูกจับกุมมากๆ เข้าก็เลยยืมมือผู้ก่อเหตุรุนแรงให้ปฏิบัติการ ประกอบกับกลุ่มขบวนการก็รอจังหวะและโอกาสอยู่แล้ว เมื่อทุกอย่างลงตัว สถานการณ์ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น" เจ้าหน้าที่ตำรวจรายนี้ กล่าว
ส่วนเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยข่าวใน จ.ปัตตานี ให้ข้อมูลคล้ายๆ กันว่า ในพื้นที่มีการระบาดของยาเสพติดมาก ขบวนการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนก็เยอะ โดยเฉพาะผู้ค้ารายย่อย จริงๆ แล้วภารกิจการปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดและน้ำมันเถื่อนเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยอื่น แต่ในพื้นที่นี้มอบให้ทหารทำ จึงส่งผลให้ทหารกลายเป็นผู้รับผิดชอบหลัก และตกเป็นเป้าในการตอบโต้
ทลายแก๊งค้ายาล็อตใหญ่-จับน้ำมันเถื่อนรายวัน
ในรอบปีที่ผ่านมา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ได้ปรับแผนยุทธการและให้น้ำหนักกับการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด แก๊งอิทธิพล ผู้ค้าน้ำมันเถื่อน และสินค้าหนีภาษี เพราะประเมินว่ามีส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้เกิดสถานการณ์ความรุนแรงขึ้นในพื้นที่ โดยมีการตั้งคณะทำงานพิเศษแก้ไขปัญหาภัยแทรกซ้อน กอ.รมน.ภาค 4 สน.ขึ้นมาเป็นหน่วยงานกลางประสานทุกหน่วยในภารกิจนี้
และที่ผ่านมาก็สามารถจับกุมแก๊งค้ายาเสพติด กับกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายได้จำนวนไม่น้อย โดยครั้งใหญ่ที่สุดของปีนี้ก็คือ การจับกุม กำนันมะรอนิง จาโก นักค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ชายแดนใต้ พร้อมยึดทรัพย์สินมูลค่าถึง 35 ล้านบาท ภายหลังการเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 3/5 หมู่ 9 ต.ตะลุโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา
การจับกุมดังกล่าวนี้ ขยายผลจากเมื่อวันที่ 9 มี.ค.2554 ซึ่งเกิดเหตุการณ์รถกระบะยี่ห้อมิตซูบิซิคันหนึ่งประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำบนถนนสายเอเซีย ท้องที่ อ.เทพา จ.สงขลา โดยเจ้าหน้าที่พบประเด็นต้องสงสัยว่า นายมูฮัมหมัดนูรี หะยีบากา ซึ่งเป็นผู้ขับรถคันดังกล่าว ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่กลับหลบหนีออกจากโรงพยาบาล ส่วน น.ส.โนร์ซาฮูรา จาโก ภรรยาของนายมูฮัมหมัดนูรี ซึ่งนั่งรถมาด้วยกันเสียชีวิต
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงสืบสวนขยายผลจนทราบว่า นายมูฮัมหมัดนูรี อยู่ในเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ จึงเปิดปฏิบัติการตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัยต่างๆ จนสามารถยึดของกลางและทรัพย์สินมูลค่าหลายสิบล้านบาท และจับกุมกำนันมะรอนิงได้ในที่สุด
นอกจากนั้น ในห้วง 1 เดือนเศษที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ยังจับกุมทั้งยาเสพติดและน้ำมันเถื่อนได้หลายรายการ จนทำให้ขบวนการธุรกิจมืดในพื้นที่ได้รับผลกระทบพอสมควร อาทิ
8 มี.ค.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 จับน้ำมันเถื่อน 700 ลิตร พร้อมผู้ต้องหา 2 คนที่ ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส
4 มี.ค.หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 24 จับยาแก้ไอพร้อมผู้ต้องหาได้ที่ด่านตรวจเกาะหม้อแกง ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
27 ก.พ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านตือระ หมู่ 1 ต.สาบัน อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี จับผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้าและน้ำต้มใบกระท่อม
17 ก.พ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 นำกำลังเข้าทำลายพืชกระท่อมที่ปลูกอยู่ในท้องที่บ้านลูโบ๊ะ หมู่ 6 ต.ผดุงมาตร อ.จะแนะ จ.นราธิวาส
11 ก.พ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 จับเรือประมงบรรทุกน้ำมันเถื่อนได้ 2 ลำ ที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ได้น้ำมันของกลางถึง 4 พันลิตรพร้อมผู้ต้องหา
วันเดียวกัน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 นำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่บ้านโคกกาเปาะ หมู่ 5 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และยึดน้ำมันเถื่อนได้ 1,500 ลิตร พร้อมจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย
10 ก.พ.ทหารพรานหน่วยเดียวกันยังเข้าตรวจค้นพื้นที่บ้านโมลานะ ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ยึดน้ำมันเถื่อนได้อีก 1,500 ลิตร
9 ก.พ.หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 24 จับยาบ้าพร้อมผู้ต้องหา 2 รายได้คาด่านตรวจในท้องที่บ้านน้ำดำ หมู่ 3 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
6 ก.พ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 พร้อมด้วยหน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 ปิดล้อมตรวจค้นบ้านเป้าหมายซึ่งเป็นแหล่งกบดานของกลุ่มก่อความไม่สงบ ในท้องที่บ้านกือแล หมู่ 3 ต.เนินงาม อ.รามัน จ.ยะลา แต่พบยาเสพติดทั้งยาบ้าและใบกระท่อม จึงคุมตัวคนในบ้านส่งดำเนินคดี
4 ก.พ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางเป็นกัญชาอัดแท่งขณะตั้งด่านตรวจค้นในเขตเทศบาลตำบลตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส
2 ก.พ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาแก้ไอได้คาด่านตรวจบริเวณสี่แยกโรงเรียนวุฒิชัยวิทยา หมู่ 5 ต.ดอน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี
นอกจากนั้นในห้วงเดือนเศษที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยังปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นหลายพื้นที่ และจับกุมแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบได้เป็นจำนวนมาก ทั้งยังทลายแหล่งประกอบวัตถุระเบิดขนาดใหญ่ที่ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ได้อีกด้วย
เหล่านี้ทำให้ฝ่ายความมั่นคงประเมินว่า เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นถี่ยิบในระยะหลัง เป็นการดิ้นเพื่อตอบโต้ของฝ่ายขบวนการ ทั้งที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน และกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมาย
แต่ไม่ว่าเหตุผลที่แท้จริงจะมาจากเรื่องใด ทว่าความจริงประการหนึ่งที่ต้องยอมรับก็คือ สถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดและธุรกิจมืดแขนงต่างๆ ในพื้นที่ชายแดนใต้อยู่ในภาวะวิกฤติจริงๆ ซึ่งทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันแก้ไขอย่างเร่งด่วน ก่อนที่ปัญหาจะบานปลายจนทำให้สภาพสังคมที่ปลายด้ามขวานล่มสลายจนเกินเยียวยา!
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) แถลงข่าวจับกุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ชายแดนใต้ (ภาพโดย สุเมธ ปานเพชร)