'พระเทพฯ'พระราชทานเงินเดือน 35ปี26ล.แก่'รร.นายร้อยจปร.'
วันที่ 15 ก.ค. 2560 บนบัญชีอินสตาแกรม @colonelbird ของพันเอก วันชนะ สวัสดี หรือ ผู้พันเบิร์ด ได้เปิดเผยเรื่องราวเรื่องราวที่ชวนปลาบปลื้มถึง สมเด็จพระเทพฯ พระราชทานเงินเดือน 35 ปี เดือนตลอดการเป็น ทูลกระหม่อมอาจารย์ เป็นเงินกว่า 26 ล้าน แก่ รร. จปร. นับเป็นพระกรุณาอย่างหาที่สุดมิได้
โดยผู้พันเบิร์ด ได้ระบุข้อความว่า "เห็นจดหมายนี้แล้วซาบซึ้งใจครับ เรื่องเล่าจากผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2560 นักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 5 ได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมบ้านสวนปทุม หลายท่านอาจสงสัยว่าเป็นสถานที่อะไร สถานที่นี้เป็นพระตำหนักของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี เป็นที่เก็บข้าวของเครื่องใช้ ของที่ระลึกที่ได้รับมาจากที่ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศหรือแม้กระทั่งของที่ทรงซื้อมาโดยพระองค์เอง ซึ่งในวันนั้นพระองค์จะเป็นผู้บรรยายเรื่องราวประสบการณ์ในที่ต่างๆ ผ่านข้าวของแต่ละชิ้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นความรู้ที่น่าสนใจและตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก
หลังเสร็จสิ้นการบรรยายและเดินชมของในทุกห้องแล้ว ผู้บัญชาการจึงได้มีโอกาสสอบถามข้าราชบริพารว่าปกติแล้วมีคณะอื่นเข้ามาที่บ้านสวนปทุมแห่งนี้หรือไม่ ข้าราชบริพารตอบว่านักเรียนนายร้อยโคตรโชคดีเลย เพราะไม่มีคณะอื่นเข้ามาเลยนอกจากนักเรียนนายร้อยเท่านั้น
แต่ยังมีเรื่องที่ผู้บัญชาการเล่าให้ผมฟังอีกเรื่องหนึ่งมีความสำคัญและซาบซึ้งกินใจเช่นกัน นั่นก็คือในวันนั้นพระองค์ได้พระราชทานเช็คจำนวน 19,201,788.48 บาท เงินจำนวนนี้แท้จริงแล้วคือเงินเดือนของพระองค์เอง ผู้บัญชาการเล่าให้ฟังต่อว่าในปี 58 สมเด็จพระเทพรัตนฯ ได้พระราชทานเงินเดือนทั้งหมดของพระองค์ที่รับราชการมา 35 ปี เป็นเงินทั้งสิ้น 26 ล้านบาทในปีนั้น ได้พระราชทานมาแล้วเจ็ดล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยส่วนที่เหลือพระองค์บอกว่ายังอยู่ในธนาคารอีก 19,000,000 บาท และจะครบกำหนดเบิกได้ในปี 60
และในปีนี้พระองค์ได้พระราชทานส่วนที่เหลือพร้อมดอกเบี้ยทั้งหมดให้กับมูลนิธิ รร.จปร.ซึ่งเอาไว้สำหรับพัฒนาการศึกษาของนักเรียนนายร้อย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อเหล่านักเรียนนายร้อยทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันอย่างหาที่สุดมิได้ แต่อันที่จริงแล้วก็ไม่ได้เฉพาะกับนักเรียนนายร้อยเท่านั้นเพราะนักเรียนนายร้อยเหล่านี้ ก็จะออกมารับใช้ประเทศชาติในงานด้านความมั่นคง นำมาซึ่งความผาสุกของประชาชนในที่สุด ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้จึงมีต่อปวงชนชาวไทยทุกคนและประเทศชาติอย่างแท้จริง"