เครือข่ายชุมชนที่โดนพิษเหมืองแร่ 15 พื้นที่ค้าน พ.ร.บ.แร่-ประกาศ 11 โครงการรุนแรง
วันนี้(5 กย.) หลังจากเวที “เครือข่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ประเทศไทย” ระหว่าง 3-5 ก.ย. ที่โรงแรมเทพนคร จ.พิษณุโลก เพื่อสรุปบทเรียนและนำเสนอปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจากการทำเหมือง15 พื้นที่ เครือข่ายฯออกแถลงการณ์ค้านร่าง พ.ร.บ.แร่-พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ-ประกาศ 11 ประเภทโครงการรุนแรง ไม่ชอบธรรม-รุกรานสิทธิชุมชน
ทั้งนี้แถลงการณ์ของเครือข่ายฯ ระบุว่าที่ผ่านมาได้พบผลกระทบที่รุนแรงกว้างขวางในพื้นที่ต่างๆ จากการสะท้อนสภาพการณ์ปัญหาและบทเรียนการต่อสู้คัดค้านโครงการสำรวจและทำเหมืองแร่ร่วมกัน มีคำถามที่สำคัญว่า “รัฐ โดยเฉพาะกรมทรัพยากรธรณี กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ มีส่วนร่วมกับผู้ประกอบการเหมืองแร่ ได้ฆ่าคนแม่ตาว แม่กุ และคนพระธาตุผาแดง ตายไปกี่คนแล้วจากโรคที่เกิดขึ้นจากการหายใจ กินข้าวและสัมผัสกับสารแคดเมี่ยมที่ปนเปื้อนจากการทำเหมืองแร่สังกะสี’ และประชาชน ชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่ทำเหมืองแร่อื่นๆจะถูกฆาตกรรมเหมือนกับคนแม่ตาวหรือไม่
อุตสาหกรรมเหมืองแร่ในประเทศที่ภาครัฐคาดหวังถึงผลประโยชน์เศรษฐกิจแก่ประเทศเพียงด้านเดียว แท้จริงแล้วอุตสาหกรรมเหมืองแร่ที่มีการขุดเจาะทั้งแบบเปิดทำลายหน้าดิน หรือเป็นโพรงใต้ดิน ได้ก่อเกิดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ ระบบนิเวศ สังคม และสุขภาพในหลายมิติ นำมาซึ่งการทำลายแหล่งอาหาร ความหลากหลายทางชีวภาพ ที่ทำมาหากิน ที่อยู่อาศัยของคนในชุมชนท้องถิ่นให้เสื่อมโทรม โดยไม่มีหน่วยงานหรือผู้ประกอบการรายใดแสดงความรับผิดชอบ
รัฐบังคับใช้กฎหมายในลักษณะโจรปล้นแผ่นดินของประชาชน เพราะนำสินแร่ใต้ถุนบ้านเรือน แหล่งทำมาหากินประชาชนและชุมชน แปรเป็นผลประโยชน์ตอบแทนในรูปของภาษี อัตราค่าภาคหลวงแร่ และผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษอื่นๆเข้าสู่คลัง ทั้งๆที่รายได้เหล่านั้นคือ ‘ผลประโยชน์ตอบแทนทางเศรษฐกิจที่ไม่สอดคล้องกับผลกระทบระยะยาวที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ ชุมชน สังคม และสุขภาพของประชาชน’ในพื้นที่ต่าง ๆ
รัฐยังย่ำยีเพิ่มเติมต่อประชาชนด้วยการผลักดันร่างกฎหมายแร่ฉบับใหม่ โดยวางหลักการโจรปล้นแผ่นดินของประชาชนชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยการระบุว่า ‘แร่เป็นของรัฐ’ และ ‘ไม่ให้อำนาจตัดสินใจแก่ประชาชนและชุมชนท้องถิ่น’ ปัญหาดังกล่าวได้พัฒนาไปสู่ปัญหาสังคม ความขัดแย้ง ละเมิดสิทธิบุคคลและชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็นผลจากการกำหนดนโยบาย บังคับใช้กฎหมาย กฎระเบียบและการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ที่ไม่เป็นธรรม
จากความทุกข์ของทุกคนที่เกี่ยวข้องใน 15 พื้นที่การสำรวจและการทำเหมืองแร่ มีข้อเสนอและประเด็นที่ต้องการสื่อสารให้สังคมในวงกว้างได้รับรู้ดังนี้ 1.ประชาชนใน 15 พื้นที่ของการสำรวจและทำเหมืองแร่ชนิดต่างๆได้รวมตัวกันก่อเกิดเป็น‘เครือข่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ ประเทศไทย’ ซึ่งจะทำหน้าที่หนุนเสริมเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ต่อสู้คัดค้านการทำเหมืองแร่อย่างถึงที่สุด
2.คัดค้านร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ว่าด้วยแร่ ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติรับหลักการ และให้กฤษฎีกาตรวจแก้ไขอยู่ โดยให้ถอนร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวออก เพราะไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และละเมิดสิทธิประชาชนด้วยการวางหลักการให้รัฐเป็นโจรปล้นแผ่นดินของประชาชนอย่างชอบธรรม โดยนิยามว่า ‘แร่เป็นของรัฐ’ ไม่มีเนื้อหาในเรื่องการขยายสิทธิด้านการกระจายอำนาจให้ชุมชนท้องถิ่น ไม่มีการเพิ่มขั้นตอนการประเมินผลกระทบสุขภาพตามรัฐธรรมนูญ
3.คัดค้านร่าง พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ที่มองเห็นประชาชนที่ออกมาต่อต้านคัดค้านโครงการพัฒนาต่างๆเป็นศัตรูของรัฐ วางมาตรการให้เจ้าหน้าสามารถใช้กำลังและอาวุธเข้าสลาย ปราบปราม จับขัง ตั้งข้อหาประชาชนหากออกมาคัดค้านต่อต้านโครงการพัฒนาต่างๆทั้งๆที่เป็นสิทธิเสรีภาพโดยชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ โดยให้รัฐบาลถอนร่างกฎหมายดังกล่าวจากการพิจารณาของรัฐสภา
4.คัดค้านมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเรื่องกำหนดประเภท ขนาด และวิธีปฏิบัติสำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ สุขภาพ ที่กำหนดประเภทโครงการรุนแรงไว้เพียง 11 ประเภท ไม่เป็นไปตาม 18 ประเภทที่คณะกรรมการ 4 ฝ่ายส่งเรื่องให้นายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะการทำเหมืองแร่ในประเทศไทยส่วนใหญ่อยู่ในเขตชุมชน ต่างจากเหมืองแร่ในประเทศซีกโลกเหนืออย่างยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา ที่มีความหนาแน่นประชากรต่ำมาก อยู่ห่างไกลจากชุมชนหลายกิโลเมตร จึงไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในชุมชนท้องถิ่นมากนัก ดังนั้นรัฐบาลต้องยกเลิกมติและประกาศดังกล่าว โดยกำหนดให้การทำเหมืองแร่ทุกประเภททุกขนาดเป็นโครงการที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอย่างรุนแรง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสอง
โดยเครือข่ายฯ จะรวมตัวกันและร่วมกับพี่น้องประชาชนในเครือข่ายอื่นๆ ผลักดันข้อเสนอเรื่องการคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยแร่ ร่าง พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ และประกาศประเภทโครงการรุนแรง ต่อรัฐบาลโดยตรง เพื่อให้บรรลุผลตามเจตนาที่วางไว้อย่างถึงที่สุด
ทั้งนี้ “เครือข่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ประเทศไทย” ประกอบด้วย 1.พื้นที่สำรวจและทำเหมืองแร่ลุ่มน้ำแม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ 2.พื้นที่สำรวจและทำเหมืองแร่ลุ่มน้ำแม่สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ 3.พื้นที่โครงการเหมืองแร่ถ่านหินแอ่งงาว อ.งาว จ.ลำปาง 4.พื้นที่โครงการเหมืองแร่และโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง 5.พื้นที่ทำเหมืองแร่สังกะสี อ.แม่สอด จ.ตาก 6.พื้นที่สำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำ 3 จังหวัด พิจิตร เพชรบูรณ์และพิษณุโลก 7.พื้นที่ทำเหมืองแร่ทองคำ อ.วังสะพุง จ.เลย 8.พื้นที่สำรวจแร่ทองแดง อ.เมือง จ.เลย 9.พื้นที่โครงการเหมืองแร่โปแตชจังหวัดอุดรธานี 10.พื้นที่โครงการเหมืองแร่โปแตชจังหวัดมหาสารคาม 11.พื้นที่โครงการเหมืองแร่โปแตชจังหวัดขอนแก่น 12.พื้นที่สูบน้ำเกลือใต้ดินและเหมืองแร่เกลือหินจังหวัดนครราชสีมา 13.พื้นที่ขออนุญาตดูดทรายแม่น้ำตะกั่วป่า อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา 14.พื้นที่ทำเหมืองหินเขาคูหา อ.รัตภูมิ จ.สงขลา 15.พื้นที่ลำเลียงถ่านหินและลานกองแร่จากพม่า จ.เชียงราย .