นักกิจกรรมทั่วโลกร้องทางการตุรกีปล่อยตัวผอ.และปธ.กก.แอมเนสตี้
นักกิจกรรมกว่า 30 ประเทศทั่วโลกจะเข้าร่วมการประท้วงหน้าสถานทูตตุรกี เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้อำนวยการและประธานกรรมการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศตุรกี รวมทั้งนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่สำคัญคนอื่นๆ ที่ถูกควบคุมตัวไว้ท่ามกลางการปราบปรามอย่างกว้างขวาง
วันที่ 10 ก.ค. 2560 เกิดการประท้วงขึ้นในโอกาสครบรอบหนึ่งเดือน หลังจากทางการได้สั่งควบคุมตัวนายทาเนอร์ คีลิช (Taner Kiliç) ประธานกรรมการของแอมเนสตี้ตุรกีไว้ชั่วคราวระหว่างรอการสอบสวนในข้อหาที่ไม่มีมูลความจริง และเป็นโอกาสครบห้าวันหลังจากนางสาวไอดิล อีเซอร์ (Idil Eser) ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ตุรกีถูกควบคุมตัวพร้อมกับนักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชนคนสำคัญอีกเจ็ดคน ทั้งหมดถูกดำเนินคดีอาญา โดยตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกของหน่วยงานก่อการร้ายติดอาวุธ
ซาลิล เช็ตตี้ (Salil Shetty) เลขาธิการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเผยว่า ในขณะที่ใกล้ถึงวันครบรอบหนึ่งปีของการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในตุรกี การดำเนินคดีเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าการปราบปรามที่เกิดขึ้นภายหลังรัฐประหารเป็นการกระทำตามอำเภอใจและก้าวร้าว โดยพุ่งเป้าไปที่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลที่แท้จริงหรือเพียงเพราะรัฐบาลคิดว่าเขาเป็นฝ่ายตรงข้าม ในแต่ละวันที่ผ่านไป เสียงเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวเพื่อนร่วมงานของเราโดยทันทีและอย่างไม่มีเงื่อนไขดังมากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่มีทางที่จะถูกทำให้เงียบลงได้
“เราจะไม่ยอมนิ่งดูดายในขณะที่แชมเปี้ยนด้านสิทธิมนุษยชนที่มีคนเคารพนับถือถูกจับขังคุก ในข้อหาที่กุขึ้นมา และสะท้อนถึงเจตนาร้ายอย่างชัดเจนเพื่อข่มขู่ผู้ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกล้าหาญในตุรกี โดยพวกเขาไม่ยอมเงียบเสียงตามคำสั่ง ในขณะที่พวกเขาถูกควบคุมตัว เราจะเดินขบวนเพื่อพวกเขา ในขณะที่พวกเขาถูกห้ามพูด เราจะพูดเพื่อพวกเขาเอง”
ไอดิล อีเซอร์ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่สำคัญอีกเจ็ดคนและนักอบรมอีกสองคน ถูกควบคุมตัวระหว่างที่พวกเขากำลังเข้าร่วมการอบรมตามปรกติวิชาชีพของตน ในช่วงเวลากว่า 28 ชั่วโมง ทางการปฏิเสธที่จะเปิดเผยที่อยู่ของพวกเขา และบุคคลเหล่านี้ไม่ได้รับสิทธิที่จะติดต่อกับบุคคลที่ตนรัก คำสั่งควบคุมตัวพวกเขามีผลบังคับใช้เป็นเวลาเจ็ดวัน และอาจขยายการควบคุมตัวได้อีกเจ็ดวัน โดยไม่ต้องนำตัวบุคคลเหล่านั้นมาขึ้นศาล
ทาเนอร์ คีลิช ถูกควบคุมตัวเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. เขาถูกแจ้งข้อหาสามวันหลังจากนั้น ด้วยข้อกล่าวหาว่าเป็น “สมาชิกของหน่วยงานก่อการร้ายเฟตูเลาะห์ กิวเล็น (Fethullah Gülen)” และได้ถูกฝากขังระหว่างรอการไต่สวน ในสำนวนฟ้องของทางการจงใจระบุว่า ทาเนอร์ คีลิชเกี่ยวข้องกับขบวนการกิวเล็น เนื่องจากเจ้าหน้าที่พบว่าในโทรศัพท์ของเขามีการลงแอพที่ชื่อ Bylock ซึ่งเป็นแอพสื่อสารข้อความแบบเข้ารหัสที่ใช้กันในบรรดาสมาชิกของ “หน่วยงานก่อการร้ายเฟตูเลาะห์ กิวเล็น” ซึ่งถูกตรวจพบเมื่อเดือนสิงหาคม 2557
ไม่มีการเสนอพยานหลักฐานอื่นเพื่อยืนยันข้อกล่าวหานี้ และทาเนอร์ คีลิชปฏิเสธว่าไม่เคยดาวน์โหลดหรือใช้แอพ Bylock แต่อย่างใด ทั้งไม่เคยได้ยินชื่อแอพนี้ด้วย จนกระทั่งมีการรายงานอย่างกว้างขวางถึงการใช้แอพนี้ ว่าเกี่ยวข้องกับคำสั่งควบคุมตัวและดำเนินคดีกับบุคคลในช่วงที่ผ่านมา
“ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา สามีดิฉันได้ถูกคุมขังโดยไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นสิ่งที่สร้างความเสียหายอย่างมากกับพวกเรา” เฮติเซ คีลิช (Hatice Kılıç) ภรรยาของทาเนอร์กล่าว “ดิฉันขอขอบคุณทุกคนที่ยืนหยัดเคียงข้างพวกเราในช่วงเวลานี้ ในฐานะของสามีดิฉันและครอบครัว และดิฉันหวังว่าจะมีการรณรงค์อย่างเต็มที่ต่อไป จนกว่าทาเนอร์จะถูกปล่อยตัวจากเรือนจำ”