ฉบับเต็ม! คำสั่งให้อดีตอธิการ มทร.ศรีวิชัย ต้องชดใช้ 64.2 ล. คดีสร้าง รร.รุกป่า
ละเอียดยิบ! หนังสือ มทร.ศรีวิชัย แจ้งอดีตอธิการฯ ชดใช้ค่าเสียหาย 64.2 ล.คดีรับผิดทางละเมิด ละเลย ไม่ระวังเป็นพิเศษกรณีสร้างอาคารโรงแรม นอกเขตพื้นที่อนุญาตกรมป่าไม้ จ.ตรัง จนถูกแจ้งจับระงับก่อสร้างกลายเป็นซากทิ้งร้าง
กรณี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง (มทร.ศรีวิชัย) ก่อสร้างอาคารปฏิบัติการโรงแรมและการท่องเที่ยว บริเวณท้องที่ ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง นอกเขตการได้รับอนุญาตการใช้พื้นที่ของกรมป่าไม้ และถูกร้องเรียนไปยัง คณะกรรมาธิการวิสามัญขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบว่าส่อทุจริต ขณะที่หน่วยงาน สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา ปลัดกระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง และหน่วยงานเกี่ยวข้องได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเมื่อ 24 มี.ค.2557 เพื่อเอาผิดทางละเมิดกับผู้บริหารจำนวน 6 ราย เบิกเงินค่าก่อสร้าง 64.2 ล้านบาท จากวงเงินที่ทำสัญญากับผู้รับเหมาประมาณ 125.9 ล้านบาท และความเสียหายจากการพื้นที่ป่าไม้ถูกแผ้วถาง 2,591,131 บาท รวมจำนวน 66.8 ล้านบาท เหตุเกิดตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้า ทั้งการชดใช้ค่าเสียหาย และกระบวนการตรวจสอบเอาคนผิดมารับโทษทางคดีอาญา ปัจจุบันเป็นซากอาคารถูกทิ้งร้าง
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2560 ผศ.รุจา ทิพย์วารี อธิการบดี มทร.ศรีวิชัย ได้มีคำสั่ง มทร.ศรีวิชัยที่ 151/2560 แจ้งให้ นายประชีพ ชูพันธ์ ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรวิชัย ในขณะนั้นชดใช้ค่าเสียหาย ตามรายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดพิจารณาแล้วเห็นว่า นายประชีพ มิได้ใช้ความระมัดระวังรอบคอบเป็นพิเศษในการตรวจสอบสถานที่ก่อสร้าง ทำให้กลุ่มอาคารปฏิบัติการโรงแรมและการท่องเที่ยว วิทยาเขตตรัง รุกล้ำป่าชายเลน เป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหาย เป็นจำนวนเงิน 66,800,131.18 บาท โดยให้นายประชีพ ชูพันธ์ รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวน 64,209,000 บาท (หกสิบสี่ล้านสองแสนเก้าหมื่นบาทถ้วน) พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันทำละเมิดให้แก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนี้ หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าว มหาวิทยาลัยจะใช้มาตรการบังคับทางปกครอง ตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ต่อไป และแจ้งว่า หากนายประชีพจะอุทธรณ์หรือโต้แย้งคำสั่งนี้ ให้อุทธรณ์คำสั่งนี้ ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
ขณะที่ นายประชีพได้ฟ้องเพิกถอนคำสั่งเรียกค่าเสียหายกรณีดังกล่าวต่อศาลปกครองสงขลา เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2560 และชี้แจงสั้นต่อสำนักข่าวอิศราว่า ยังไม่พร้อมให้สัมภาษณ์ เพราะเรื่องดังกล่าวยังไม่เรียบร้อยดี เนื่องจากยังอยู่ในกระบวนการของชั้นศาลฯ และไม่สบายใจที่จะให้ข่าว ทั้งนี้ ขอเรียนตามตรงว่าเป็นการกลั่นแกล้งกัน ถูกลูกน้องรังแก เพราะเป็นเรื่องการเมืองภายในองค์กร (อ่านประกอบ:อ้างถูกลูกน้องรังแก! อดีตอธิการ มทร.ศรีวิชัย ยื่นฟ้องศาล ปค.ถอนคำสั่งชดใช้ 64 ล.)
สำนักข่าวอิศรา นำรายละเอียดในหนังสือคำสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหาย 64.2 ล้านบาทในกรณีดังกล่าว ชนวนนายประชีพฟ้องเพิกถอนคำสั่ง มาเสนอดังนี้
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ได้มีคำสั่งที่ 117/2557 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2557 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด อาศัยอำนาจตามความในข้อที่ 11 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 กรณีนายประชีพ ชูพันธ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย กับพวกกระทำการก่อสร้าง กลุ่มอาคารปฏิบัติการโรงแรมและการท่องเที่ยว วิทยาเขตตรัง รุกล้ำป่าชายเลน ซึ่งกรมป่าไม้ได้เข้ายึดอาคารสิ่งก่อสร้างและไม่อนุญาตให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยดำเนินการก่อสร้าง เป็นเหตุให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมคลศรีวิชัยได้รับความเสียหาย 66,800,131.18 บาท
บัดนี้ คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดพิจารณาแล้วเห็นว่า นายประชีพ ชูพันธ์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย มิได้ใช้ความระมัดระวังรอบคอบเป็นพิเศษในการตรวจสอบสถานที่ก่อสร้าง ทำให้กลุ่มอาคารปฏิบัติการโรงแรมและการท่องเที่ยว วิทยาเขตตรัง รุกล้ำป่าชายเลน เป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหาย เป็นจำนวนเงิน 66,800,131.18 บาท ซึ่งพิจารณาการกระทำและความรับผิด ดังนี้
นายประชีพ ชูพันธ์ ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรวิชัยในขณะนั้น มีหน้าที่บริหารกิจการของมหาวิทยาลัยให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ของทางราชการและของมหาวิทยาลัย รวมทั้งนโยบายและวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัย ตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พ.ศ. 2548
ข้อเท็จจริงปรากฏตาม รายงานผลการสอบสวน คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2559 ซึ่งแนบมากับหนังสือสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ลับ ด่วนที่สุด ที่ ศธ 0592(2)2.14/11194 ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2559 ปรากฏว่า ในเดือนเมษายน 2550 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ได้ดำเนินการจัดจ้างโครงการก่อสร้าง อาคารปฏิบัติการโรงแรมและการท่องเที่ยว 1 หลัง โดยวิธีการประกวดราคาด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2550 และอนุมัติว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัด มหานครการช่าง เป็นผู้รับจ้าง เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 ต่อมาภายหลังสำนักงบประมาณเห็นชอบให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ปรับเปลี่ยนแบบรูปและรายการและวงเงินค่าก่อสร้าง จากเดิมอาคารปฏิบัติการโรงแรมและการท่องเที่ยว 1 หลังเป็นกลุ่มอาคารปฏิบัติการโรงแรมและการท่องเที่ยวในวงเงิน 125,900,000 บาท ตามสัญญาจ้างเลขที่ สอ.งปม 4/2550 วันที่ 27 กรกฎาคม 2550ระยะเวลาก่อสร้าง จำนวน 840 วัน กำหนดส่งมอบงานทั้งสิ้น 19 งวด โดยผู้รับจ้างได้ดำเนินการก่อสร้างกลุ่มอาคารปฏิบัติการโรงแรมและการท่องเที่ยว และได้ส่งมอบงานจนถึงงวดที่ 12 และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยได้จ่ายเงิน ค่าก่อสร้างไปให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด มหานครการช่างไปแล้ว 12 งวด เป็นจำนวนเงิน 64,209,000 บาท (หกสิบสี่ล้านสองแสนเก้าพันบาทถ้วน)
ต่อมาในวันที่ 25 ธันวาคม 2552 คณะเจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันตรวจสอบค่าพิกัด (GPS) บริเวณพื้นที่ก่อสร้างกลุ่มอาคารปฏิบัติการโรงแรมและการท่องเที่ยว ปรากฏว่าพื้นที่บริเวณก่อสร้างมีเนื้อที่ 21 ไร่ 3 งาน 59 ตารางวา ตั้งอยู่นอกเขตพื้นที่ที่อนุญาตให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคงศรีวิชัยเข้าใช้ประโยชน์ตามคำสั่งกรมป่าไม้ ฉบับที่ 48/2535 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2535 คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดพื้นที่ อาคาร สิ่งก่อสร้างและอุปกรณ์การก่อสร้างไว้เป็นของกลาง เพื่อเป็นหลักฐานในการดำนินคดี
จากกรณีข้างต้น นายประชีพ ชูพันธ์ ซึ่งเป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ย่อมจะต้องมีวิสัยทัศน์ที่ละเอียดรอบคอบ เนื่องจากสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากกรมป่าไม้ อีกทั้งการก่อสร้างกลุ่มอาคารโรงแรมดังกล่าวใช้งบประมาณในการก่อสร้างสูงมากถึงกว่า 100 ล้านบาท ก่อนการกำหนดสถานที่ก่อสร้าง นายประชีพ ชูพันธ์ จึงต้องใช้ความระมัดระวังและรอบคอบเป็นพิเศษ โดยควรที่จะตรวจสอบสถานที่ก่อสร้างจากแผนที่แนบท้ายประกาศกรมป่าไม้ให้ชัดเจนก่อนว่า พื้นที่ก่อสร้างอยู่ภายในขอบเขตที่ได้รับอนุญาตให้ใช้หรือไม่ แต่นายประชีพ ชูพันธ์ หาได้ตรวจสอบแต่อย่างใดไม่ อีกทั้งน่าเชื่อว่า นายประชีพ ชูพันธ์ รู้อยู่แล้วว่าสถานที่ก่อสร้างกลุ่มอาคารปฏิบัติการโรงแรมและการท่องเที่ยวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เพราะหากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตพื้นที่กรมป่าไม้อนุญาตให้ใช้ประโยชน์แล้ว นายประชีพ ชูพันธ์ ก็ไม่มีความจำเป็นใดที่จะไปทำ MOU กับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งขอใช้พื้นที่ดังกล่าวทำ Walk way อีก
นอกจากนั้นยังปรากฏข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2549 สำนักงานป่าไม้เขตสงขลาได้ตรวจพื้นที่ที่มหาวิทยาลัยได้รับอนุญาตพบว่าเกินไปจากที่ได้รับอนุญาต เมื่อนายประชีพ ชูพันธ์ เป็นผู้กำหนดให้ก่อสร้างกลุ่มอาคารปฏิบัติการโรงแรม โดยรู้อยู่แล้วว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาตินอกเขตที่ได้รับอนุญาตให้ใช้จากกรมป่าไม้ ทำให้คณะเจ้าหน้าที่เข้าทำการจับกุม ตรวจยึด และห้างหุ้นส่วนจำกัด มหานครการช่าง ไม่สามารถก่อสร้างต่อไปได้ จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหรือระเบียบของทางราชการทำให้ทางราชการได้รับความสียหายอันเกิดจากการระทำโดยจงใจของนายประชีพ ชูพันธ์ จึงต้องรับผิดในค่าเสียหายจากการที่มหาวิทยาลัยต้องจ่ายค่าก่อสร้างให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด มหานครการช่าง ผู้รับจ้าง จำนวน 12 งวด เป็นเงินค่าจ้าง 64,209,000 บาท (หกสิบสี่ล้านสองแสนเก้าหมื่นบาทถ้วน)
ฉะนั้นอาศัยตามความในมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 และข้อ 18 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 และหนังสือสำนักคณะกรรมการการอุดมศึกษา ลับ ด่วนที่สุด ที่ ศธ 0592(2)2.14/1333 ลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2560 จึงมีคำสั่งให้นายประชีพ ชูพันธ์ รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวน 64,209,000 บาท (หกสิบสี่ล้านสองแสนเก้าหมื่นบาทถ้วน) พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันทำละเมิดให้แก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนี้ หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าว มหาวิทยาลัยจะใช้มาตรการบังคับทางปกครอง ตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ต่อไป
ทั้งนี้ หากท่านประสงค์จะอุทธรณ์หรือโต้แย้งคำสั่งนี้ ให้อุทธรณ์คำสั่งนี้ต่อเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่ง ทางปกครองภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนี้โดยทำเป็นหนังสือระบุขอโต้แย้งและข้อเท็จจริง หรือข้อกฎหมายที่อ้างอิงประกอบด้วย ตามมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 และสามารถใช้สิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองภายใน 90 วันนับแต่ที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตูแห่งหารฟ้องคดีตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองง พ.ศ. 2542
สั่ง ณ วันที่ 14 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
อ่านประกอบ:
อ้างถูกลูกน้องรังแก! อดีตอธิการ มทร.ศรีวิชัย ยื่นฟ้องศาล ปค.ถอนคำสั่งชดใช้ 64 ล.
มทร.ศรีวิชัยส่งหนังสือแจ้งอดีตอธิการฯชดใช้ค่าเสียหาย 64.2 ล. สร้าง รร.รุกป่า
กรมป่าไม้แจ้งหมายวันนี้ลุยสอบ 9 สิ่งก่อสร้าง มทร.ศรีวิชัย ตรัง ปมรุกป่า
กก.สภาฯยื่น รมว.ทส.สอบเพิ่ม 9 อาคาร มทร.ศรีวิชัย ตรัง รุกป่าหรือไม่
ภาพซากโรงแรม มทร.ศรีวิชัย ตรัง จ่ายเงินแล้ว 66 ล. - เอาผิดใครไม่ได้
ส่งนายกฯฟัน มทร.ศรีวิชัย ตรังสร้าง รร.รุกป่าเสียหาย 66 ล.-เล็งฟ้องศาลคอร์รัปชัน
คดีจะขาดอายุความ! แจ้ง อสส.ฟ้องแพ่งอธิการฯมทร.ศรีวิชัย ตรัง สร้างรร.รุกป่า
ร้อง มทร.ศรีวิชัย ตรัง สร้างโรงแรมบุกรุกป่า เสียหาย 66 ล. คดีไม่คืบหน้า