กลุ่มคนรักหลักประกันฯ แนะแก้กม.บัตรทองต้องปลดล็อคการจัดซื้อยาให้สปสช.ด้วย
ภาคประชาชนจัดเวทีคู่ขนาน แถลงแก้ กม. บัตรทองอย่างไรให้ประชาชนได้ประโยชน์ ยันหากคณะอนุกรรมการดำเนินการประชาพิจารณ์พิจารณาร่างพ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพ เดินหน้าแก้ไขกฎหมายก็ขอให้แก้เฉพาะประเด็นที่มีความเห็นร่วมกัน -ยึดตามประกาศ คสช.ที่37/2559 ยันประเด็นที่มีความเห็นต่างกันมากๆ ไม่ควรแก้ไข "สารี" จี้ปลดล็อคให้สปสช.ซื้อยา ไม่แก้ข้อนี้จะกลายเป็นโอกาสทองของบริษัทยา ขายยาได้ตามอำเภอใจ
วันที่ 6 ก.ค.กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ เปิดแถลงข่าว "แก้ กม. บัตรทองอย่างไรให้ประชาชนได้ประโยชน์" ณ โรงแรมไมด้า งามวงศ์วาน นำโดยนายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ และอดีตกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บอร์ดสปสช.) และนางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
นายนิมิตร์ กล่าวถึงข้อเสนอของภาคประชาชนที่อยากส่งเสียงไปถึงคณะอนุกรรมการดำเนินการประชาพิจารณ์พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่.. ) พ.ศ..... ว่า หากจะเดินหน้าแก้ไขกฎหมายก็ขอให้แก้เฉพาะประเด็นที่มีความเห็นร่วมกัน และยึดตามประกาศ คสช.ที่37/2559 อะไรที่เป็นปัญหาบ้างและต้องแก้ไข ซึ่งภาคประชาชนเห็นว่า สามารถแก้ได้เลย เนื่องจากผ่านกระบวนการกลั่นกรองแล้ว
สำหรับข้อที่เห็นต่างกันมากๆ ในร่าง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ นายนิมิตร์ กล่าวว่า ไม่ควรแก้ไข ณ ตอนนี้ควรให้เวลาสร้างความเข้าใจ หาบทสรุปที่ดีที่สุด อย่าด่วนแก้ไข ทั้งเรื่องการแยกเงินเดือนออกจากงบบัตรทอง การร่วมจ่าย หรือการครอบคลุมคนทุกสิทธิ์ ซึ่งวันนี้ยังมีความเห็นต่าง ภาคประชาชนอยากให้ใช้กระบวนการสมัชชาสุขภาพ สมัชชาเฉพาะประเด็นศึกษาเรื่องเหล่านี้ก่อน
"หากยังมีการแก้ไขกฎหมายบัตรทองในประเด็นที่ยังมีความขัดแย้งอยู่ ภาคประชาชนจะจับตามอง และลุกขึ้นสู้ทุกวิถีทางในประเด็นที่เห็นต่าง พี่น้องประชาชนหวงแหนระบบประกันสุขภาพ เพราะเป็นหลักประกันสุขภาพของคนทุกคน เราพร้อมออกมาปกป้อง"
นายนิมิตร์ กล่าวด้วยว่า อยากให้คณะอนุกรรมการดำเนินการประชาพิจารณ์พิจารณาฯ อธิบายและตอบคำถามว่า ข้อเสนอของภาคประชาชนที่อยากให้มีการแก้ไขมาตรา 9 และมาตรา 10 เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างให้คนทุกคนมีมาตรฐานเดียวกัน รัฐบาลจะแก้ไข 2 มาตรานี้หรือไม่ และใช้เวลาศึกษาเรื่องนี้นานแค่ไหน
ด้านนางสาวสารี กล่าวถึงประเด็นสำคัญ คือการปลดล็อคการจัดซื้อยาของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เราเห็นปัญหาการจัดซื้อยามา 10 ปีอาศัยมาตรา 38 คณะกรรมการสปสช.สามารถบริหารกองทุน โดยทำให้กองทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) มาสอบสวนตั้งคำถาม สปสช.มีอำนาจการจัดซื้อยาหรือไม่ ซึ่งการบริหารงาน 10 ปีที่ผ่านมา สปสช.ประหยัดงบการจัดซื้อยาได้ถึง 5 พันล้านบาท
"หากมีการแก้ไขกฎหมายบัตรทองไม่แก้ไขข้อนี้ จะทำให้ต่อไปสปสช.ซื้อยาไม่ได้ และกลายเป็นโอกาสทองของบริษัทยา ให้ขายยาได้ตามอำเภอใจ วันนี้การจัดซื้อยาต้องอาศัยอำนาจคณะรัฐมนตรี ฉะนั้น ตรงนี้สำคัญมาก"นางสาวสารี กล่าว และว่า พร้อมกันนี้เราอยากเห็นการรักษาพยาบาลทุกระบบใช้บัตรประชาชนใบเดียว มีมาตรฐานเดียว มิใช่ข้าราชการได้การรักษาแบบหนึ่ง บัตรทองได้การรักษาแบบหนึ่ง ประกันสังคมได้การรักษาแบบหนึ่ง เราทุกคนต้องได้รับการรักษาเท่าเทียมกัน เหมือนกัน
นางสาวสารี กล่าวถึงประเด็นข้อครหาภาคประชาชนได้ประโยชน์จากการทำงานหลักประกันสุขภาพด้วยว่า ยืนยันไม่มีเรื่องผลประโยชน์ แต่เราทำงานเพราะต้องการเห็นทุกคนเท่ากัน นี่คืองานของเราที่ต้องทำต่อไป คือสิ่งที่เราเกิดมาเพื่อทำสิ่งนี้ให้ทุกคนเท่ากัน
ขอบคุณภาพจาก:https://www.facebook.com/mondoik?pnref=story