มุสลิมอินโดฯและมาเลเซียเรียกร้องคว่ำบาตรเครือข่ายกาแฟดังสหรัฐฯ'สตาร์บัคส์'
ชาวมุสลิมในอินโดนีเซียและมาเลเซียเมื่อวันอังคารที่ 4 ก.ค.2560 เรียกร้องร่วมกันคว่ำบาตรสตาร์บัคส์ หลังกลุ่มอิสลามิคใหญ่ๆกล่าวหาเครือข่ายร้านกาแฟระดับโลกแห่งนี้สนับสนุนสิทธิชาวเกย์ ท่ามกลางความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการเติบโตขึ้นเรื่อยๆของพวกอุนุรักษ์นิยมทางศาสนาในทั้งสองประเทศ
เหล่าแกนนำจากกลุ่มมูฮัมมาดิยาห์ องค์การมุสลิมใหญ่ที่สุดอันดับสองของอินโดนีเซีย ซึ่งมีสมาชิกประมาณ 30 ล้านคน ยังเรียกร้องให้รัฐบาลถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจของร้านกาแฟจากอเมริกาแห่งนี้ สืบเนื่องจากจุดยืนของสตาร์บัคส์ ในประเด็นเลสเบียน, เกย์, พวกรักร่วมเพศและกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ
"อุดมการณ์, การทำธุรกิจและมุมมองที่พวกเขาสนับสนุน สวนทางกับอุดมการณ์ของเรา" อันวาร์ อับบาส หัวหน้าฝ่ายกิจการเศรษฐกิจของกลุ่มมูฮัมมาดิยาห์บอกกับเอเอฟพี
ส่วน ยูนาฮาร์ อิลยาส แกนนำอีกคนของกลุ่มมูฮัมมาดิยาห์ บอกว่าทางกลุ่มเรียกร้องให้ชาวมุสลิมไม่ดื่มกาแฟของสตาร์บัคส์ เพื่อที่บริษัทแห่งนี้จะได้ไม่มีรายได้ไปสนับสนุนโครงการรณรงค์ต่างๆของกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ
เอเอฟพีได้ติดต่อสอบถามเรื่องนี้ไปยัง สตาร์บัคส์ สาขาอินโดนีเซีย แต่ทางบริษัทไม่ขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวดังกล่าว
สตาร์บัคส์เป็นหนึ่งในหลายบริษัทสัญชาติอเมริกา ที่แสดงออกอย่างเปิดเผยต่อต้านการเลือกปฏิบัติในสหรัฐฯ โดยเมื่อปีที่แล้วได้เป็นตัวแทนลงนามในหนังสือที่ส่งถึงผู้ว่าการรัฐนอร์ทแคโรไลนา ประท้วงกฎหมายที่เล็งเป้าหลายงานบุคคลข้ามเพศ
กลุ่มอิสลามิคและพวกแข็งกร้าวต่างๆ มีปฏิกิริยารุนแรงต่อประชาคมบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศมากขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งพวกนักเคลื่อนไหวเชื่อว่ามีต้นต่อจากการแพร่กระจายข่าวของสื่อมวลชนเกี่ยวกับการตัดสินใจให้การแต่งงานของบุคคลเพศเดียวกันเป็นสิ่งถูกกฎหมายในสหรัฐฯ
เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ กลุ่มพริบูมื เปอร์กาซา มาเลเซีย เรียกร้องรัฐบาลทบทวนใบอนุญาตค้าขายของบริษัทต่างๆที่สนับสนุนการแต่งงานของคนเพศเดียวกันและกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศเสียใหม่
อย่างไรก็ตาม นายเฟตตี ควาร์ตาตี ผู้อำนวยการพีที เอ็มเอพี โบกา อาดิเพอร์กาซา บริษัทแม่ของพีที ซารี คอฟฟี่ อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผู้ถือใบอนุญาตประกอบการสตาร์บัคส์ ยืนยันว่า บริษัทเชื่อฟังข้อบังคับ และยกย่องมูลค่าทางวัฒนธรรมในอินโดนีเซียมาโดยตลอด นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับพื้นเพด้านศาสนาของลูกค้าและพนักงานอีกด้วย
เหล่าแกนนำมุสลิมเผยว่าความกังวลสตาร์บัคส์ ผุดขึ้นมา หลังจากได้อ่านความเห็นของประธานสตาร์บัคส์ เมื่อครั้งที่รับมือกับคำร้องเรียนของผู้ถือหุ้นรายหนึ่งในปี 2013 กรณีบริษัทกำลังสูญเสียลูกค้าไปสืบเนื่องจากจุดยืนเกี่ยวกับกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ โดยคราวนั้น นายฮาเวิร์ด ชูลซ์ ผู้บริหารระดับสูงของสตาร์บัคส์ ตอบโต้คนที่ไม่พอใจให้ขายหุ้นสตาร์บัคส์ และซื้อหุ้นในบริษัทอื่นได้เลย
พวกรักร่วมเพศเป็นเรื่องต้องห้ามในมาเลเซียเช่นกัน ประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่ราว 60 เปอร์เซ็นต์ เป็นชาวมุสลิม ขณะที่การเสพสังวาสทางทวารหนักถือเป็นอาชญากรรม มีโทษสูงสุดจำคุก 20 ปี