บ้านจุดเกิดเหตุวิสามัญฯพรุน-พังเละ สั่งเอาผิดเจ้าของให้ที่พักพิง!
"เจ้าหน้าที่เกลี้ยกล่อมอยู่ 8 ชั่วโมง ในที่สุดจึงตัดสินใจเข้าไป แต่ก็ถูก ผกร. (ผู้ก่อเหตุรุนแรง) ยิงออกมาและปาระเบิดใส่ จนทหารถูกสะเก็ดระเบิดไปหลายนาย รถกันกระสุนก็ยังพัง แล้วก็ปะทะกันในที่สุด ซึ่งระหว่างการปะทะ ก็มีชาวบ้านอยู่ในเหตุการณ์ด้วย"
เป็นคำยืนยันจาก พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ว่าการวิสามัญฆาตกรรมครั้งล่าสุดนี้ไม่เกินกว่าเหตุ หลังลงพื้นที่เมื่อวันเสาร์ที่ 1 ก.ค.60 ตรวจสอบเหตุยิงปะทะและปลิดชีพผู้ก่อความไม่สงบคนสำคัญ นายลุกมาน มะดิง ที่บ้านเลขที่ 57 หมู่ 6 ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา โดยการปิดล้อมและยิงปะทะกันเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงคืนก่อนหน้า คือวันศุกร์ที่ 30 มิ.ย.
"ในบ้านมีกันอยู่ 3 คน คือ ผกร.ที่เสียชีวิต พี่สาวของผู้ตาย และสามีของพี่สาว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เจรจาให้ออกมามอบตัว ปรากฏว่าสองสามีภรรยาก็ออกมา พร้อมบอกเจ้าหน้าที่ว่า ผกร.ไม่ยอมออก ขอสู้ต่อ จนเกิดการยิงปะทะและเสียชีวิตในที่สุด" แม่ทัพภาคที่ 4 ระบุ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการตัดสินใจ "สู้ตาย" โดยไม่ยอมมอบตัวเพื่อรักษาชีวิตของสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบหลายๆ ครั้ง ทำให้เกิดกระแสฮึกเหิมของผู้สนับสนุน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน เพราะฝ่ายเจ้าหน้าที่มักใช้กำลังคนจำนวนมากเข้าปิดล้อมจับกุม ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายมีเพียงคนเดียวหรือไม่กี่คน เรียกได้ว่าเทียบกันไม่ได้เลย อย่างครั้งนี้ก็ใช้รถหุ้มเกราะเข้าปฏิบัติการด้วย ขณะที่ชาวบ้านที่รับรู้รับทราบเหตุการณ์ก็มีความรู้สึกสงสาร ไม่ค่อยมีใครตำหนิถึงพฤติกรรม
เหตุวิสามัญฯ นายลุกมาน มะดิง วัย 29 ปีรายล่าสุดนี้ก็เช่นกัน เพราะมีการเผยแพร่ภาพคลิปวีดีโอขบวนแห่ศพไปประกอบพิธีฝังตามหลักศาสนา ปรากฏว่ามีคนไปร่วมขบวนแห่จำนวนไม่น้อย
กระแสดังกล่าวทำให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) นำโดย พ.อ.ยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษกฯ พร้อมตำรวจ ทหารที่รับผิดชอบพื้นที่เกิดเหตุ คือ อ.รามัน จ.ยะลา ร่วมกันแถลงข่าว โดยสาระสำคัญของการแถลงอยู่ที่ประวัติของ นายลุกมาน มะดิง ที่ถูกระบุว่ามีหมายจับในคดีความมั่นคงถึง 5 หมาย ทั้งก่อการร้าย พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และร่วมกันทำระเบิด
ก่อนเกิดเหตุยิงปะทะ เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า นายลุกมานเข้าไปหลบซ่อนพักพิงในพื้นที่ จึงได้นำกำลังเข้าปิดล้อม แต่นายลุกมานยิงต่อสู้ และขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ จึงเกิดการยิงปะทะกัน และนายลุกมานถึงแก่ความตาย เจ้าหน้าที่สามารถยึดปืนพกขนาด 9 มม.ได้ 1 กระบอก
นอกจากนั้นยังได้ควบคุมตัว นายสือดี มาหามะ และ นางสีตีมาตีเยาะ เซ็งกะจรี สามีภรรยาเจ้าของบ้าน เพื่อดำเนินคดีฐานให้ที่พักพิงกับผู้กระทำความผิด และหากพบพฤติการณ์สนับสนุนกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง อาจเข้าข่ายเป็นเครือข่ายของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง เป็นความผิดฐานก่อการร้าย อั่งยี่ หรือซ่องโจรอีกส่วนหนึ่งด้วย ในการนี้รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จึงได้ฝากเตือนไปยังประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อให้ที่พักพิงกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลฮารีรายอ เจ้าหน้าที่ทหารพราน 4 ชุดปฏิบัติการใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก เข้าปิดล้อมพื้นที่เชิงเทือกเขาบูโด บ้านบือแนลือโบ๊ะ หมู่ 4 ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส หลังรับแจ้งว่ามีกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเข้ามากบดาน ขณะเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าไปยังจุดที่รับแจ้ง ปรากฏว่าถูกคนร้ายประมาณ 3-5 คน ใช้อาวุธปืนพกสั้นและอาวุธปืนสงครามยิงเข้าใส่ จนเกิดการปะทะกันเป็นระลอกๆ นานกว่า 15 นาที คนร้ายเห็นจวนตัวจึงใช้อาวุธปืนยิงเปิดทาง และอาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนีขึ้นเขาบูโด
หลังสิ้นเสียงปืน เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณเชิงเขาบูโด พบรอยเลือด คาดว่าเป็นของกลุ่มคนร้ายที่ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย จึงประสานทุกหน่วยปิดล้อมไล่ล่าพื้นที่รอบๆ เขาบูโด เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้ต่อไป
----------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1-2 แม่ทัพภาคที่ 4 เข้าตรวจบ้านที่เกิดเหตุยิงปะทะ และดูรถหุ้มเกราะที่ใช้ในปฏิบัติการ
3-4 สภาพบ้านหลังการยิงปะทะและวิสามัญฆาตกรรม
ขอบคุณ : ภาพจากเจ้าหน้าที่ชุดตรวจที่เกิดเหตุ และทีมงานแม่ทัพภาคที่ 4