ขาใหญ่โซเชียล อัดกสทช.คุม OTT “กฎใหม่ทำประเทศล้าหลัง”
29 มิ.ย. 2560-AIC (ในนาม Google, Facebook) ออกแถลงการณ์ค้าน กสทช. คุม OTT ชี้ทำไทยล้าหลัง
เป็นประเด็นร้อนในวงการสื่อออนไลน์อยู่พอสมควร สำหรับกรณีที่กสทช. ประกาศว่าบริษัทเอเยนซี่โฆษณา (รวมถึงบริษัทอื่นๆ) ที่โฆษณาผ่านผู้ให้บริการแพร่ภาพและเสียงผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต (OTT หรือ Over The Top) ที่ไม่มาลงทะเบียน เข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องรับโทษ 2 ใน 3 ตามความผิดที่เกิด ตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551
เรื่องนี้เป็นที่กล่าวถึงกันมาก เพราะบริษัทยักษ์ใหญ่ที่โดนกล่าวถึงเต็มๆ คือ Google และ Facebook เพราะกสทช. บอกว่า ต้องมาลงทะเบียนภายในวันที่ 22 ก.ค. (วันสุดท้ายที่เปิดให้ลงทะเบียน) ไม่เช่นนั้น เอเยนซี่ ที่โฆษณาบนทั้ง 2 แพลตฟอร์มนี้ จะมีความผิดตามกฎหมาย
ล่าสุด Asia Internet Coalition หรือ AIC เป็นองค์กรความร่วมมือ ที่มีสมาชิกคือ Facebook, Google, LinkedIn, Apple, Twitter รวมถึง Yahoo, LINE และ Rakuten ได้ออกแถลงการณ์ค้านต่อกฎระเบียบที่ กสทช. ออกมาเพื่อควบคุม ระบุว่า ทำประเทศถอยหลัง
โดย 'Jeff Paine' กรรมการผู้จัดการของ AIC มีเนื้อหาสำคัญว่า AIC รู้สึกเป็นห่วงประเทศไทยกำลังหันหลังให้กับนวัตกรรม ด้วยการออกข้อบังคับเกี่ยวกับการให้บริการ OTT ของกสทช. กฎระเบียบที่เสนอกสทช.กำหนดขึ้นมานั้น ไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ที่แท้จริงให้กับนักธุรกิจและสตาร์ตอัพไทยเป็นอันดับแรก แทนที่กสทช.จะเพิ่มภาระให้กับตัวเองในการกำกับดูแล ข้อบังคับดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนานวัตกรรมและธุรกิจในไทย และกฎระเบียบดังกล่าวทำให้คนไทยและองค์กรต่างๆ หลายล้านคนไม่สามารถใช้แพลตฟอร์มระดับโลกที่เปิดกว้างเพื่อสร้างธุรกิจออนไลน์ และกฏระเบียบที่กสทช.ออกมานี้อาจขัดแย้งกับข้อตกลงนานาชาติได้
สำหรับเนื้อหาในแถลงการณ์ทั้งหมดมี มีใจความว่า ผู้บริโภค นักธุรกิจและผู้สร้างเนื้อหาชาวไทย มีความเจริญรุ่งเรืองในเอเชียและทั่วโลกด้วยอินเทอร์เน็ตที่เสรีและเปิดกว้าง AIC และ บริษัท ที่เกี่ยวข้องแสดงความกังวลว่าข้อเสนอของกสทช. ในการกำหนด "บริการ OTT" จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางธุรกิจชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจและ ปิดกั้นการลงทุนในภาคธุรกิจดิจิตอลที่กำลังเติบโตของไทย และข้อบังคับดังกล่าวที่กสทช.กำหนดนั้น ขัดต่อความมุ่งมั่นในการค้าระหว่างประเทศของไทยและจะส่งผลกระทบต่อการลงทุน
AIC ยินดีให้ความร่วมมือกับหน่วยงานของไทยในเรื่องจัดระเบียบ OTT อย่างไรก็ตาม กสทช. ยังไม่ได้จัดทำและร่างระเบียบข้อบังคับของ OTT ต่อสาธารณะ AIC ได้รับรายงานข่าวจากสื่อมวลชนว่า กสทช. กำหนดให้ บริษัท ลงทะเบียนเป็นบริการ OTT ภายใน 30 วัน การดำเนินการนี้ทำให้คู่สัญญาต้องลงทะเบียนเพื่อรับการควบคุมตามระเบียบที่ไม่ได้อยู่ในโดเมนสาธารณะ AIC ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้กสทช. ควรให้ผู้บริการมีส่วนร่วมในการร่างข้อบังคับฉบับนี้ เพื่อความโปร่งใส
การที่กสทช. แถลงต่อสาธารณชนว่า บริษัท ที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมกับกสทช. จะเผชิญกับ "ความกดดัน" ในขณะที่ยังคงดำเนินการอยู่ เมื่อไม่นานมานี้เราพบว่ากทช. อาจดำเนินการกดดันกับผู้ลงโฆษณา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางนี้ อาจส่งผลให้อุตสาหกรรมนี้อยู่ในสถานะยากลำบาก ต้องเผชิญกับความกดดันที่จะถูกควบคุมโดยกฎระเบียบที่ไม่ได้อยู่ในโดเมนสาธารณะ
โดยทั่วไปข้อเสนอของกสทช. เกี่ยวกับข้อบังคับของ OTT ดูเหมือนจะส่งผลเสียต่อผู้บริโภคและผู้สร้างเนื้อหาในประเทศไทยโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศอื่น กฎระเบียบที่เสนอจะขัดขวางการลงทุนและยับยั้งการเจริญเติบโตโดยทันทีและส่งผลกระทบในทางลบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญ และยังเป็นอุปสรรคต่อความต้องการพัฒนาประเทศของรัฐบาลไทย และความไม่ชัดเจนของกฎระเบียบนั้นส่งผลกระทบต่อผู้สร้างนวัตกรรมด้านสื่อดิจิทัล ผู้สื่อสารและผู้สร้างเนื้อหา เสียโอกาสด้านการลงทุนจากต่างประเทศไทย
AIC หวังว่ารัฐบาลไทย (รวมถึงกสทช. และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) จะพิจารณาในฐานะของผู้ให้บริการ OTT ในประเทศและต่างประเทศ เรื่องขีดความสามารถในการแข่งขันโดยรวม ซึ่งเป็นเป้าหมายการลงทุนและในฐานะประเทศที่ให้โอกาสสำหรับผู้สร้างเนื้อหาและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
AIC ยังต้องการเน้นการพิจารณาที่สำคัญต่อไปนี้
1.ผลกระทบจากข้อเสนอของกสทช. ทั่วโลก
– ข้อเสนอในปัจจุบันของกสทช. ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศนอกกฎหมายนานาชาติในการควบคุมบริการ OTT
– กฎระเบียบต้องสอดคล้องกับพันธกรณีของไทยภายใต้ข้อตกลงทั่วไปเกี่ยวกับการค้าบริการ (GATS) ในองค์การการค้าโลก (WTO) ภายใต้ GATS ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะอนุญาตให้มีการให้บริการข้อมูลฐานข้อมูลและข้อมูลออนไลน์แบบข้ามพรมแดนโดยไม่จำกัด ภาระผูกพันเหล่านี้ครอบคลุมบริการที่ผู้ให้บริการ OTT จัดหาไว้
– การใช้ GATS กับระเบียบ OTT ในอนาคตมีความซับซ้อน วิธีที่ดีที่สุดและมีไว้สำหรับกสทช. เพื่อให้มั่นใจว่ากฎระเบียบที่เสนอจะไม่นำไปสู่การกระทำที่ไม่พึงประสงค์จากคู่ค้าของไทยในองค์การการค้าโลกคือการนำร่างเข้าสู่กระบวนการที่โปร่งใส เพื่อให้มีเวลาเพียงพอสำหรับฝ่ายที่อาจได้รับผลกระทบ
– ดูเหมือนว่าข้อเสนอดังกล่าวกำหนดให้ผู้ให้บริการ OTT ต้องยอมรับว่ามีสถานะทางภาษีอยู่ในประเทศไทยโดยไม่คำนึงถึงว่าพวกเขามีสถานะทางกายภาพในประเทศไทยหรือไม่ ข้อตกลงนี้ไม่สอดคล้องกับสนธิสัญญาภาษีระหว่างประเทศของไทยและข้อตกลงระหว่างประเทศใหม่เกี่ยวกับ (1) หลักเกณฑ์ในการป้องกันการหลีกเลี่ยงสถานะการจัดตั้งสถานประกอบการถาวรและ (2) กฎสำหรับการเก็บภาษีจากระบบดิจิทัล ประเทศไทยเพิ่งเข้าเป็นสมาชิก BEPS (BEPs Recommendations) ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกที่ยอมรับคำแนะนำของ BEPS
– การกำหนดข้อกำหนดด้านภาษีพิเศษเฉพาะกับผู้ให้บริการ OTT จะสร้างความเข้าใจว่าประเทศไทยไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานสากลที่ยอมรับและอาจขัดขวางการพัฒนาเศรษฐกิจไทยโดยไม่ได้ตั้งใจ
2.ผลกระทบในประเทศที่เกิดขึ้นทันทีต่อเศรษฐกิจไทย
– ในทางปฏิบัติกรอบข้อบังคับเกี่ยวกับการดำเนินงานของ NBTC จะขัดต่อธุรกิจขนาดเล็กของไทยเนื่องจากไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวได้
– การควบคุมการให้บริการ OTT ผ่านทางผู้ควบคุมการแพร่ภาพของประเทศไทยอาจไม่บรรลุผลตามที่ต้องการ ซึ่งจะแตกต่างจากการออกอากาศแบบดั้งเดิมในระบอบการปกครองที่ไม่เหมาะกับลักษณะของบริการ OTT การพัฒนาบริการ OTT ในอนาคตของประเทศไทยอาจขัดขวางข้อเสนอของกสทช.เสียเอง
– ผู้สร้างเนื้อหาในไทยที่นับไม่ถ้วนโดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้ทำงานร่วมกับผู้แพร่ภาพกระจายเสียงแบบดั้งเดิมของไทยจะถูกลงโทษอย่างไม่เหมาะสมสำหรับการใช้แพลตฟอร์มแบบเปิดเพื่อให้เนื้อหาของพวกเขาออกสู่ผู้ชมมากขึ้น AIC ยินดีรับโอกาสในการทบทวนข้อเสนอที่เป็นลายลักษณ์อักษรและขอแนะนำให้กสทช. พิจารณาทบทวนการลงทะเบียนและกฎระเบียบ OTT ตามแผน
Jeff Paine
กรรมการผู้จัดการ
Asia Internet Coalition